หญิงสาวเกิดใหม่ชาตินี้ขอเลือกหนุ่มหล่อแสนดีที่เห็นคุณค่า(ตอนเดียวจบ)

3. การทำงานร่วมกับเป็นทีม ระหว่างฟอร์ด ประเทศไทย กับตัวแทนจำหน่าย เพราะสิ่งที่ทางเราต้องการส่งต่อไปยังลูกค้า ผู้แทนจำหน่ายของเราก็ต้องสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ โดยหลักการทำงานร่วมกันนี้ไม่ใช่แค่เพียงฟอร์ดกับทางผู้แทนจำหน่ายเท่านั้น แต่จะรวมไปถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ ของฟอร์ดด้วย

เพราะฉะนั้นในภาพรวมของตลาด เมื่อรถของเราวิ่งบนถนนเยอะขึ้น แบรนด์เริ่มแข็งแกร่งขึ้น การดูแลลูกค้าที่เราให้ความสำคัญมาตลอด ก็จะส่งผลให้เราได้รับการตอบรับที่ดีขึ้น

ยอดขายที่คาดหวังของฟอร์ด

ในปี 2565 ที่ผ่านมา ฟอร์ดแทบจะเป็นแบรนด์ที่เติบโตที่สุดในตลาด โดยอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยเติบโตขึ้น 12% เป็นจำนวนประมาณ 851,000 คัน ขณะที่ฟอร์ดเติบโตขึ้น 35% ขายไปทั้งหมด 43,628 คัน โดยยอดขายที่ฟอร์ดทำได้นี้ เกิดมาจากการเปิดตัวของ Next Gen ทั้ง Ranger และ Everest ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะ Ford Ranger Raptor ทำยอดขายได้มากเกินคาดถึง 3,500 คัน ซึ่งส่งผลให้ภาพลักษณ์ของ Ford ทั้ง Ranger และ Everest ดูดีขึ้นตามไปด้วย

หากแยกออกเป็นประเภทรถยนต์ ในกลุ่มของรถกระบะ ตลาดเติบโตขึ้นมา 14% ส่วนรถกระบะฟอร์ด มีการเติบโตสูงถึง 24% และรุ่น Everest ตลาดมีการเติบโตขึ้น 28% ส่วนฟอร์ดเติบโตขึ้นถึง 94% ถือเป็นปีที่ดีมากๆ สำหรับฟอร์ด

และทางฟอร์ดเองก็เชื่อว่าจากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา จะส่งต่อมายังปี 2566 นี้ด้วย โดยเราต้องการรักษาความต่อเนื่อง และผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้นต่อไป

โดยปีนี้ ในภาพรวมของตลาดรถยนต์ประเทศไทย คาดว่าจะมียอดขายเกิน 900,000 คัน หลักๆ มาจากปัจจัยบวกเพราะการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจของรัฐบาลบอกว่า GDP น่าจะโตขึ้นราว 3.4%, การท่องเที่ยวน่าดีขึ้น มีนักท่องเที่ยวเข้ามาราว 24 ล้านคน ก็จะส่งผลให้มีเงินสะพัดมากขึ้นมายังฝั่ง SME ประกอบกับปีนี้จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง จะมีความต้องการใช้รถยนต์มากยิ่งขึ้น

ด้วยปัจจัยบวกเหล่านี้ เราเชื่อว่าตลาดจะเติบโต โดยในมุมของฟอร์ดของ เราต้องการรักษายอดขายของทั้ง Ranger และ Everest ให้มีตัวเลขที่สูงกว่ายอดขายที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมรถยนต์ เช่น ถ้าเราคิดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะเติบโตขึ้น 8% เราต้องเติบโตมากกว่านั้น

ฟอร์ด มีแผนเปิดตัวรถใหม่ใน 2023 หรือไม่

จะมีแผนการเปิดตัว Ford Mustang ตัว Minor change ใหม่ ที่มีการเพิ่มลูกเล่นเข้าไป ส่วน Ranger และ Everest จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

รถกระบะไฟฟ้า Ford จะมาไหม

“ณ ขณะนี้ ฟอร์ดยังไม่มีแผนนำรถยนต์ไฟฟ้ามาจำหน่ายในประเทศไทย” ในต่างประเทศ Ford ถือเป็นผู้นำตลาดรถกระบะไฟฟ้าระดับโลก โดยเฉพาะรถกระบะ Ford F-150 Lightning ซึ่งเป็นผู้นำตลาดรถกระบะไฟฟ้าอยู่ ณ ขณะนี้

โดยเราก็ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดรถกระบะไฟฟ้าของประเทศไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งฟอร์ดกล้าพูดได้เลยว่า “หากผู้ใช้งานส่วนใหญ่พร้อม เราก็พร้อม”

ส่วนรถกระบะไฟฟ้า ยังอาจไม่ได้มาจำหน่ายในเร็วๆ นี้ ส่วนด้านเทคโนโลยีของรถกระบะไฟฟ้าของฟอร์ดนั้น เราได้เตรียมการไว้แล้วเรียบร้อย ทว่าตลาดเมืองไทย ทางฟอร์ดคิดว่ายังไม่เหมาะสำหรับรถกระบะไฟฟ้า ซึ่งตลาดรถกระบะมีสัดส่วนเป็น 45% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในประเศไทย ซึ่งในกลุ่มนี้จะมีทั้งใช้งานส่วนบุคคล และใช้งานเชิงพาณิชย์

เพราะงั้นแล้ว รถกระบะไฟฟ้า หากเข้ามาตอนนี้ ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นกลุ่มผู้ใช้งานส่วนบุคคล ส่วนในมุมมองด้านการลงทุนนั้น เราต้องมองเรื่องของอุปสงค์, อุปทาน ภาพรวมของทั้งหมด ถึงด้านของผู้ผลิตชิ่นส่วนยานยนต์ด้วย มันต้องเหมาะสมกัน

เราจะเห็นได้ว่า ณ ตอนนี้ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2564 มียอดขายอยู่ราวๆ 5,000 คัน แต่ปี 2565 มียอดขายระดับมากถึง 20,000 คัน โดยในปี 2566 นี้ เราคาดว่าน่าจะไปได้ถึง 40,000 คัน

ทว่าหลักๆ จะอยู่ในกลุ่มรถยนต์ B-Segment กับ B-SUV ซึ่งเป็นเพียง 10% ของตลาดทั้งหมด โดยแบรนด์รถยนต์ที่เข้ามาจำหน่าย ก็มักจะอยู่ในกลุ่มนี้เป็นหลัก ซึ่งเรายังไม่เห็นแนวโน้มของตลาดรถกระบะไฟฟ้าใน 1-2 ปีนี้

อีกมุมหนึ่งนั่นคือเรื่องของความรู้ความเข้าใจ เพราะผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องของระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้าว่าเป็นอย่างไร การชาร์จแบตเตอรี่ต้องชาร์จที่ไหน วางแผนการใช้งานอย่างไร สิ่งเหล่านี้หากเกิดการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว เช่นการชาร์จไฟใช้เวลาเพียง 10-15 นาที ก็จะส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตได้เร็วขึ้น

โดยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ณ ตอนนี้ เกิดมาจากนโยบายสนับสนุนการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล ส่งผลให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าไม่แตกต่างจากรถยนต์สันดาป ส่งผลให้คนสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

Viral Krit Tone ส่งผลอย่างไรกับ Ford

ก่อนหน้านี้ แทบทุกแบรนด์ในประเทศไทย มักจะใช้คำว่า “แกร่ง” ในการสื่อสารรถกระบะของตน ทว่าฟอร์ดเองก็ได้มีการพูดคุยกันภายในว่า Ford Ranger Raptor เป็นรถกระบะระดับพรีเมียม เป็นรถที่เป็นของเล่นสำหรับบางคน หรือใช้เป็นเครื่องแสดงฐานะทางสังคม ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ได้ใช้รถ Raptor ทุกวัน บางทีอาจจะใช้แค่ขับไปต่างจังหวัดเป็นบางครั้งบางคราว

เพราะฉะนั้นเรา เราจึงสร้างวลี “ดุดันไม่เกรงใจใคร” เป็นคีย์เวิร์ดที่แตกต่างจากคำว่า “แกร่ง” ที่ใช้งานกันแพร่หลายอยู่กับหลายๆ แบรนด์

แลเราก็โชคดีที่ได้คุณ Krit Tone มาร่วมงาน ซึ่งเป็นคนที่เก่งมากๆ ซึ่งนอกจากรับหน้าที่ให้เสียงโฆษณาในประเทศไทยแล้ว ยังรับหน้าที่ให้เสียงโฆษณารถ Ford อีกหลายประเทศ อาทิเช่น Ford F-150 ในสหรัฐอเมริกา เป็นคนที่มีความมืออาชีพมากๆ

ประกอบกับมีการนำไปเผยแพร่ใน Tik Tok ต่อ ส่งผลให้คนรู้จัก Raptor มากยิ่งขึ้น ขนาดเด็กๆ อายุน้อย ยังรู้จักเจ้า Ford Ranger Raptor ซึ่งถือเป็นสีสันทางการตลาดที่ดีมากๆ

และแน่นอนว่า เราก็จะผลักดันการรับรู้แบรนด์ Ford อีกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราก็ต้องหาวิธีการทำตลาดเพื่อผลักดันอย่างต่อเนื่องต่อไป