E220d Estate
ระหว่างที่รอรุ่นซาลูนมาประกอบในประเทศ Mercedes-Benz ก็จัดการนำรุ่น
Estate เข้ามาขายก่อน โดยมีให้เลือกเพียงรุ่นเดียวคือ E220d AMG Dynamic
เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ดีเซลเทอร์โบ 194 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic
ตั้งราคาเอาไว้ 4,740,000 บาท (ซึ่งถูกกว่า E220d AMG Dynamic อยู่ตั้ง
50,000 บาท ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรทำให้มันถูกกว่า)

C250AMG Coupe ประกอบในประเทศแล้ว!
ถือว่าพลิกโผอย่างมาก เพราะในช่วงกลางปี ยังพูดกับคนใน Mercedes-Benz
อยู่เลยว่าจะนำมาประกอบในจริงหรือ และทราบว่ามา แต่น่าจะมีอะไรสะกิดต่อม
ดาว 3 แฉกให้โหมกระหน่ำทุกท่าไม้ตายในปีนี้แทนที่จะรอถึงปีหน้า
C250 Coupe รุ่นนี้ จะนับว่าเป็นรถคูเป้รุ่นแรกของ Mercedes-Benz ที่ประกอบ
ในโรงงานประเทศไทย นับตั้งแต่สมัย 300CE ตัวถัง S124 เลิกประกอบไป 23 ปีก่อน
(แม้ว่า C250 จะมาในลักษณะ SKD – เอาชิ้นส่วนจากเมืองนอกมาขึ้นรูปเป็นรถในไทย)
มีให้เลือก 2 รุ่นคือ C250 Coupe Sport และรุ่น C250 Coupe AMG Dynamic
และมีการเพิ่มอุปกรณ์ Active Brake Assist, ล้อ 19 นิ้ว (รุ่น Sport เป็นลาย 10 ก้าน
รุ่น AMG Dynamic เป็นลาย Multi-spoke), จอ Head-Up Display และเครื่องเสียง
Burmester Sound System
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ แขนยื่นเข็มขัดแบบอัตโนมัติ ซึ่งในรุ่นนำเข้าจะมีให้ แต่พอ
ย้ายมาประกอบในประเทศจะถูกตัดออก นอกจากนี้รุ่น Sport (ตัวรอง) จะถูกเอา
ช่วงล่างสปอร์ตออก แทนที่ด้วยชุดโช้คอัพกับสปริงแบบธรรมดา สำหรับคุณป้าขับ
ไปนา คุณตาขับไปนวด
C250 Coupe Sport ตั้งราคาเอาไว้ 3,240,000 บาท
C250 Coupe AMG Dynamic ราคา 3,590,000 บาท
พูดง่ายๆคือถูกลง 200,000 บาทเมื่อเทียบกับรถนำเข้านั่นเอง


C43 AMG Coupe
นอกจากจะเอาตัว C250 มาประกอบในทำราคาชนิดชก Lexus จุกแล้ว ถ้าคุณยังมี
เงินเหลือพอจะซื้อ RC200t ได้ Mercedes-AMG ก็ยังเสนอ C43 Coupe สายพันธุ์
แรง เป็นรถนำเข้า เครื่อง 3.0 ลิตร V6 ทวินเทอร์โบ 367 แรงม้า ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
4MATIC ออพชั่นครบทั้งหลังคา Panoramic, ช่วงล่าง AMG Ride-Control,
กล้องรอบคัน 360 องศา และเครื่องเสียง Burmester Sound System
วัสดุตกแต่งภายในบริเวรคอนโซลกลางของ C43 AMG Coupe จะเป็นลายที่เรียกว่า
AMG Carbon ซึ่งโดยปกติแค่สั่งออพชั่นตัวนี้ก็ 200,000 บาทแล้ว ช่วงล่างของ
C43 จะเป็นช่วงล่าง AMG แบบสปอร์ตที่พัฒนาจากช่วงล่างแบบเดิมของ SLC43
ไปอีกขั้นหนึ่ง ระบบเบรกก็เป็นของ AMG แต่จะเป็นชุดที่มีขนาดเล็กกว่าของ C63S
นับว่าเป็น “จรวดสุภาพชนถนนไทย” ที่น่าสน โดยเฉพาะเมื่อดาวสามแฉกแหวกราคา
มา 5,190,000 บาท (ถูกกว่า Lexus RC200t และแพงกว่า 420d แค่ราวล้านเศษ)
แม่บ้านครับ..ถ้าพ่อบ้านคุณกำลังจะไปซื้อ C63S คันละ 9.99 ล้าน ลองคุยดูครับ
เพื่อจะหาทางออกร่วมกันได้ พ่อบ้านเอา C43 ไป ส่วนแม่บ้านก็จัด GLE500e
Exclusive สักคัน ใช้เงินเท่าเดิม แต่กระจายม้ากระจายรักให้สัมพันธ์ครอบครัวยั่งยืน

GLE43 Coupe
บางที C43 AMG Coupe อาจจะเตี้ยเกินกว่าจะลุยน้ำจากบ้านคุณไปถึงปากซอย
แต่ครั้นจะให้ใช้ SUV อย่าง GLE รุ่นปกติ ก็เกรงว่าจะขาดความเฟี้ยวฟ้าวไป
Mercedes-AMG เตรียมคำตอบไว้ให้ลูกค้ากลุ่มนี้แล้ว ด้วย GLE43 AMG Coupe
ซึ่งเครื่องยนต์ที่ใช้ก็เป็นแบบเดียวกับ C43 Coupe และ GLE450 AMG รุ่นที่เปิดตัว
ในบ้านเราปี 2015 นั่นเอง (3.0 ลิตร V6 ทวินเทอร์โบ 367 แรงม้า) ภายนอกมีล้อ
AMG ลายก้านคู่ขอบ 22 นิ้ว ชุดแต่ง AMG ภายในมีหลังคา Panoramic และ
ระบบเครื่องเสียง Harman Kardon Logic7 ช่วงล่างเป็นแบบ AIRMATIC
พร้อมระบบปรับความหนืดแบบ Adaptive Damping System-ADS Plus
บางคนจะงงว่าเอ้า…GLE450 AMG ตอนนั้นก็ใช้เครื่องเดียวกัน แล้วไอ้ GLE43 นี่
คืออะไร? ถามเจ้าหน้าที่ทางเบนซ์มาให้แล้วครับ มันก็คือรถเกือบจะคันเดียวกัน
ตั้งราคาขาย 7,990,000 บาทเท่ากัน เพียงแต่เป็นการ “Rebrand” ชื่อให้กับรถ
เสียใหม่ จากเดิมเป็น Mercedes-Benz GLE450AMG ก็เปลี่ยนเป็น Mercedes-AMG
GLE43 แค่นั้นเองครับ
Promotion ดาวสามแฉก
– E-Class ทุกรุ่น, C350e Exclusive, C350e AMG Dynamic ทั้งซาลูนและเอสเตท
จัดไฟแนนซ์ ดาวน์ขั้นต่ำ 15% รับดอกเบี้ย 0.99% ฟรีประกันภัยชั้น 1
– ถ้าใครมีเงินไม่พอซื้อเบนซ์คันจริง แนะนำว่าเดินไปข้างหลังบูธ มีทั้งจักรยานเบนซ์
รุ่น Fitness ราคาห้าหมื่นบาทมีทอน และรถโมเดลสำหรับคนชอบสะสม ปีนี้ 1:18 มาเยอะ
MG
เอะอะก็พันห้า…
จั่วหัวข้อเอาไว้แบบนั้น เพราะสังเกตดูว่าดาวเด่นที่ฟันยอดขายให้กับทางค่าย
มันก็มักจะเป็นรถ 1.5 ลิตรกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น MG3 หรือ MG5 ดังนั้นอาจจะเป็น
เลขสูตรมงคลที่ทำให้ MG เห็นโอกาสในการทำตลาด หลังจากที่เปิดตัว GS
รุ่น 2.0 เทอร์โบราคาล้านต้นๆไปในปีที่แล้ว ในปีนี้ รถ “Follow no others” ก็มี
รุ่นใหม่ที่ออกมา Follow พี่ชายมัน (ก็ไม่ตามใคร แต่ตามสมาชิกโคตรเดียวกัน
ถือว่าไม่ฟาวล์) ซึ่งนั่นก็คือ MG GS 1.5 Turbo

MG GS 1.5 Turbo ใช้เครื่องยนต์ 15E4E 1.5 ลิตร DOHC 16 วาล์ว Direct Injection
เป็นเครื่อง TGI เจนเนอเรชั่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นหลังจากตัว 2.0 ให้พลัง 167 แรงม้าที่
5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตัน-เมตรที่ 1,700-4,400 รอบต่อนาที ดูแล้วเรี่ยว
แรงจากเครื่องยนต์มากกว่ารถคู่แข่งที่ไม่มีเทอร์โบพอสมควร แถมเจ้า 1.5 นี้ยังแอบ
ปีนเกลียวพี่มัน ด้วยการจกเอาเกียร์คลัตช์คู่ 7 จังหวะมาใช้ (รุ่น 2.0 มี 6 จังหวะ) มีให้
เลือกแค่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า น้ำหนักตัวถัง 1,460 กิโลกรัม (เบากว่ารุ่น 2.0 ขับหน้า
82 กิโล และเบากว่า 2.0AWD 182 กิโล!)
ราคาเริ่มต้นของ GS 1.5 อยู่ที่ 890,000 บาทเท่านั้น! ในรุ่น 1.5D ซึ่งมีระบบความ
ปลอดภัยต่างๆ “เท่ารุ่น 2.0 ตัวท้อป” ยกเว้นระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง และถุงลม
ด้านข้างที่ถูกตัดออก แต่ของเล่นเอาหรูอย่างอื่นจะถูกตัดหายไปพอสมควรตามราคา
ไฟหน้าเป็นแบบฮาโลเจน เบาะเป็นหนังเทียมทั้งคัน Cruise Control ถูกตัดออก
กุญแจ Smart Key ถูกตัดออก และรุ่น 1.5 จะใช้ล้ออัลลอย 17 นิ้ว (2.0 เป็น 18 นิ้ว)
แต่ถ้ากลัวออพชั่นโล้นเกินไปเสียศักดิ์ศรีผู้ดีมีของเล่น..ไม่ต้องกลัวครับ เพิ่มเงิน
เป็น 990,000 บาท แล้วจะได้ Paddle shift, ไฟหน้าอัตโนมัติ, ไฟตัดหมอก,
ไฟท้าย LED, ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, ซันรูฟกับราวหลังคา (ซึ่งไม่มีในรุ่น 2.0 ขับหน้า),
Cruise control, กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, Smart Key/ ปุ่มสตาร์ท,
ถุงลมด้านข้าง, ระบบนำทาง+InkaNet จอ 8 นิ้วและเครื่องเสียง 8 ลำโพงกลับมา
รุ่นไหนคุ้ม..แล้วแต่จะเลือกเลยครับ

นอกจากจะมี GS ตัวพันห้าแล้ว รถพันห้าขายดีอย่าง MG3 ก็มีรุ่นพิเศษกับเขาด้วย
นี่คือ MG3 1.5V ซึ่งก็คือการนำเอารุ่นท้อป 1.5X มา เปลี่ยนล้ออัลลอยเป็นลายเก๋ไก๋
ขนาด 16 นิ้ว ใช้ยาง 195/55R16 (เท่ากับรุ่น Xcross) จากนั้นก็เพิ่มสเกิร์ตข้างแบบ
Two-tone และสปอยเลอร์หลังเข้าไปเป็นอันเสร็จ ออพชั่นอื่นๆ เหมือนเดิม และขาย
ในราคา 579,000 บาท (บวกเพิ่มจากรุ่น X 20,000 บาท – แนะนำว่าคุ้ม เพราะลำพัง
ไปหาล้อกับยางไซส์นี้ใส่เองก็เกิน 20,000 บาทไปมากแล้ว แถมลายล้อยังสวย
จนเสียดายแทน MG5 ทำไมไม่ได้ล้อลายนี้บ้าง)
MITSUBISHI
รถต้นแบบที่ใกล้ความจริง

เริ่มกันที่เรือธงของค่าย (ในไทย) ก่อน เจ้า Pajero Sport นี้ มีการปรับออพชั่นและ
ปรับราคาของรุ่นท้อป 2.4GT Premium โดยเพิ่มจากเดิมอีก 55,000 บาท ไปเป็น
1,529,000 บาท แต่ถ้าเพิ่มราคาไม่เพิ่มอย่างอื่นก็คงเสียชื่อมิตซู ดังนั้นจึงขอจัด
อุปกรณ์เพิ่มมาให้คุ้มส่วนต่าง ยังไงเสีย..ขึ้นชื่อว่าค่ายนี้ เขาไม่ยอมน้อยหน้าใครเรื่อง
Value=Equipment/Price อยู่แล้ว
1. ระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control System -ACC)
สามารถล็อกความเร็วได้ตั้งแต่ 40 km/h ขึ้นไป โดยระบบจะทำการลดความเร็วอัตโนมัติ
เมื่อรถยนต์คันหน้ามีความเร็วต่ำกว่า และ ยังสามารถชะลอความเร็วจนถึงรถยนต์คันหน้าหยุดนิ่ง
2. ระบบล็อคเฟืองท้าย Rear Differential Lock
3. ระบบฉีดน้ำล้างไฟหน้า Headlamps Washer
4. ชุดตกแต่งใต้กันชนหน้า Front Guard (เดิมเป็นของแถม)
5. สปอยเลอร์หลัง Rear Spoiler (เดิมเป็นของแถม)
6. เพิ่มหมอนรองศีรษะ ตรงกลางเบาะแถว 2
7. ที่วางแขนตรงกลางเบาะแถว 2 ดีไซน์ที่วางแก้วน้ำใหม่
8. จอ MID บนมาตรวัดรองรับการแสดงผลเป็นภาษาไทย
9. ม่านถุงลมนิรภัยเพิ่มความยาวให้รองรับถึงผู้โดยสารแถวที่ 3
10. เพิ่มปุ่มเซ็นทรัลล็อค บริเวณแผงควบคุมฝั่งคนขับ
11. เพิ่มช่องชาร์จไฟ 12V 1 ตำแหน่ง
12. การแสดงผลกล้องมองภาพรอบคัน สามารถเปลี่ยนสีรถในจอได้
13. สวิตซ์ควบคุมกระจกหน้าต่าง ฝั่งคนขับเรืองแสงทั้ง 4 ตำแหน่ง (เดิมตำแหน่งเดียว)
14. จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX (ปรับปรุงตำแหน่งยึดใหม่)
15. สัญญาณเตือนระดับน้ำฉีดล้างกระจกบังลมหน้าต่ำ
นับได้ว่าคุ้มค่าจริงๆ แต่มีคนที่ซื้อรถล็อตก่อนหน้านี้ฝากบอกมายังมิตซูไทยทีว่า
ออพชั่น “พวงมาลัยนวดได้” ที่ตอนแรกไม่มี ขับๆไปแล้วมีขึ้นมาเองได้นั้น ช่วย
เอาออกให้ทีเพราะลูกค้าไม่อยากได้
ชมภาพส่วนที่เปลี่ยนแปลงในรุ่น GT-Premium MY2017 แบบละเอียดได้ที่นี่

Triton รุ่นพิเศษ Limited Edition ผลิตออกมาแค่ 300 คัน แบ่งเป็นรุ่น
เกียร์อัตโนมัติ 180 คัน และรุ่นเกียร์ธรรมดา 120 คัน มีบอดี้เพียงแบบเดียวคือ
4 ประตูยกสูง พื้นฐานของรถเดิมเป็นรุ่น Double Cab Plus แต่ได้นำมาเพิ่ม
อุปกรณ์ดังต่อไปนี้ Double Cab Plus 300 คัน แบ่งเป็น AT60% MT40%
– ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ สีทูโทน
– เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
– จอภาพบนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ขนาด 10.1 นิ้ว
ราคา รุ่นเกียร์ธรรมดา อยู่ที่ 861,000 บาท และรุ่นเกียร์อัตโนมัติ อยู่ที่ 906,000 บาท
เพิ่มจากรุ่นปกติ 40,000 บาท มีให้เลือกเพียงสีเดียวคือสีขาวมุก
เท่าที่ฟังเสียงจากประชากรในบอร์ด ดูเหมือนอยากให้ Mitsu หากระจังหน้าพิเศษ
ให้กับ Triton มากกว่า..


รถต้นแบบ XM Concept
พอขึ้นชื่อว่าเป็น Concept Car หลายคนก็จะ Scroll ผ่านด้วยเพราะคิดว่ารถพวกนี้
มันไม่มีทางเอามาให้เราซื้อได้จริงๆ แล้วทางเว็บ Headlight จะเอามาให้ดูทำไม (วะ)
ก็ถูกครับ รถคันที่คุณเห็นอยู่นี้ เป็นเวอร์ชั่นต้นแบบ ซึ่งหลายอย่างไม่สามารถนำมาใช้
ในรถผลิตขายจริงได้ แต่เส้นสายของมันนั้นได้ถูกนำไปพัฒนาต่อยอด ให้กลายเป็น
รถ Crossover/MPV ขนาดเล็ก ซึ่งมีกำหนดเตรียมขายในภูมิภาคอาเซียนภายในปี
2017-2018 นี้



XM Concept เป็นรถโชว์..แต่รถคันจริงนั้น ได้ข่าวหลุดมาจากทางอินโดนีเซียว่า
จะใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร นั่นก็ทำให้มันกลายเป็นคู่ต่อกรกับรถอย่าง Honda
BR-V และ Ford EcoSport ได้ ตลาดในเซ็กเมนต์นี้เป็นที่นิยมมาช้านานแล้วใน
อินโดนีเซีย และกำลังเริ่มบูมในประเทศไทย ดังนั้นกุญแจสำคัญที่จะทำให้
Mitsubishi ในประเทศไทยมีอนาคตกับรถเก๋งต่อหลังจากที่ Lancer EX ได้
เสียชีวิตลงไป แม้แต่ผู้เขียนเองก็ลุ้นไปด้วย และอยากเชียร์ให้ทำผลิตภัณฑ์ให้
ออกมาโดนใจลูกค้า เพราะดีไซน์ของรถเท่าที่เห็นมา สามารถดันให้เป็นที่นิยมได้
ถ้าใครสนใจจะดูภาพเพิ่มเติมของ XM Concept คลิกได้ที่นี่เลยครับ
Promotion ของ Mitsubishi
Pajero Sport – ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน “สามปี” ฟรีสปอยเลอร์หลัง ส่วนรุ่น 2.4GT
ขับหลัง สามารถเลือกรับสิทธิดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% สำหรับการวางเงินดาวน์ 25%
และผ่อน 48 เดือน
Triton – Mitsubishi Motors มีข้อเสนอสูงสุด 52,000 บาท ฟรีประกันชั้น 1
นานหนึ่งปี ส่วนรุ่น Limited Edition จะลดจาก 52,000 เหลือ 40,000 บาท
Attrage – รับข้อเสนอสูงสุด 40,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1
Mirage – รับข้อเสนอสูงสุดมูลค่า 30,000 บาท
ถ้าใครไม่เข้าใจว่าข้อเสนอสูงสุด คือส่วนลด หรือคืออะไร รบกวนสอบถามทางผู้ขาย
เพื่อข้อมูลที่ถูกต้อง
NISSAN
ปิคอัพรถโชว์, Sylphy เติม E85 และ X-Trail ตกแต่งพิเศษ
ก่อนอื่นขอยืนไว้อาลัยกับการจากไปของ Nissan Sylphy 1.8 เพราะหลังจาก
รถล็อตนี้หมดสต็อคไป ก็จะเลิกผลิตแล้ว (ในเว็บถอดรุ่นนี้ออกด้วย) และอีกรุ่น
ที่ตาม 1.8 ไปติดๆก็คือรุ่น 1.6 เกียร์ธรรมดา ส่งผลให้ใครก็ตามที่ต้องการเล่นรถ
C-Segment เกียร์ธรรมดา คุณเหลือทางเลือกแค่ T ตัวใหญ่แค่ตัวเดียวเท่านั้น
แต่ Nissan Sylphy รุ่นที่เหลืออยู่ ก็ยังมีรุ่น 1.6 DIG Turbo ที่ยังขายต่อ ส่วนรุ่น
1.6 ลิตรธรรมดานั้น ก็มีการปรับเครื่องยนต์ให้สามารถเติมน้ำมัน E85 ได้ (ได้ส่วนลด
สรรพสามิตอีก 5%) และมีการปรับราคาถูกลงกว่าเดิมอีก 7,000 บาท 1.6 E
817,000 บาท รุ่น 1.6 V 851,000 บาท รุ่น 1.6 SV 870,000 บาท พร้อมกันนี้
ยังได้ปรับปรุงตัวให้ทันตลาดด้วยการเพิ่มระบบควบคุมการทรงตัว และกันไถล
(VDC/TRC) มาให้ในรุ่น 1.6 ครบทุกรุ่น
ส่วนรุ่น 1.6 DIG-Turbo MCVT ยังคงราคาไว้เท่าเดิม 999,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Nissan X-Trail X-TREMER ซึ่งก็คือ X-Trail
รุ่นธรรมดา กับไฮบริด ที่นำมาใส่อุปกรณ์เสริมเข้าไป 5 รายการ ได้แก่
การ์ดตกแต่งกระจังหน้าสีดำ, ชุดแผงกันชนหน้า, การ์ดกันกระแทกด้านหน้า,
การ์ดกันกระแทกด้านหลัง และด้านข้าง โดยลูกค้าจ่ายเงินเพิ่มอีกประมาณ
30,000 บาท เพื่อแลกกับชุดแต่งดังกล่าว


ส่วนรถที่นำมาโชว์ ได้แก่
Nissan Navara Black Edition ก็คือ Navara ธรรมดาที่ตกแต่งตัวถังด้วยสีสัน
ตามแนวคิด Masculine Look แต่ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่านั้น สู้เจ้าคันสีขาวไม่ได้
Navara EnGuard Concept (อ่านว่า “อองการ์ด”) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่
Nissan มีต่อยานยนต์กู้ภัยอัจฉริยะ (หรือร่วมกตัญญูแห่งอนาคตนั่นล่ะ) ภายในรถ
มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตและกู้ภัย มีระบบนำร่องและระบบค้นหาที่แม่นยำ สำหรับการ
เข้าสู่บริเวณที่มีภัยพิบัติหรืออุบัติเหตุได้รวดเร็ว

นอกจากนี้ เพื่อให้เข้ากับธีมของงาน ทาง Nissan ก็ได้เอา Leaf รถไฟฟ้ามอเตอร์ล้วนๆ
มาจอดโชว์ แม้ว่ารถรุ่นนี้จะเริ่มขายมาตั้งแต่ปี 2011 แล้ว แต่ก็ยังเป็นที่จดจำในฐานะ
รถไฟฟ้ารุ่นแรกที่มีการทำตลาดอย่างจริงจัง และเป็นรถไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดจนถึงปัจจุบัน
Promotion ของ Nissan
Navara- ดาวน์ต่ำสุด 9,999 บาท ฟรีทองสูงสุด 2 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1
Almera- ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ดาวน์ต่ำสุด 19,999 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1
รุ่น Sportech รับฟรีคูปองน้ำมัน 8,000 บาท
March- ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ดาวน์ต่ำสุด 9,999 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1
Teana – ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีประกันชั้นหนึ่ง แถมชุดแต่ง และข้อเสนอพิเศษ
สำหรับรุ่น 2.0XL Navi และ 2.5XV Navi มูลค่า 40,000 บาท (ไปลองถาม
เอาเองว่าหมายถึงส่วนลดเงินสดหรือเปล่า)
Sylphy – ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 ฟรีชุดแต่ง ครอบกระจก
มองข้างคาร์บอน, คิ้วขอบประตูคาร์บอน, ล้อ 16 นิ้วรมดำ, ปลายท่อไอเสียสแตนเลส
X-Trail – ดอกเบี้ยต่ำสุด 1.39% ฟรีประกันภัยชั้น 1
Juke – ข้อเสนอพิเศษ 130,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1
รถใหม่จากค่ายสิงห์ยกขา ALL NEW 408 e-THP เห็นชื่อตั้งมาแบบนี้
อย่าได้ไปหลงคิดว่า e คือ “Electric” นะครับ ผู้เขียนบูชายัญสมองมารอบนึงแล้ว
อันที่จริงมันย่อมาจาก efficient- TURBO with High Pressure
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร 1,598 ซีซี. Direct Injection
พ่วงเทอร์โบ 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตัน-เมตร
ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า
ขนาดตัวรถ อยู่ในระดับที่เล็กกว่าพวก Camry หรือ Accord แต่ก็ยาวและ
กว้างกว่า C-Segment ส่วนใหญ่ ฐานล้อยาว 2,730 มิลลิเมตร


ภายในมีอุปกรณ์ค่อนข้างครบ มีลูกเล่นที่มาตรวัดรอบหมุนสวนทางกับชาวโลก
รายอื่นๆ มีถุงลมนิรภัย 6 ใบ พร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน เช่นระบบ
ตรวจจับรถในจุดบอดของกระจกมองข้าง เซ็นเซอร์หน้าและหลัง
ราคาของ 408 e-THP ในปัจจุบัน ตั้งไว้ที่ 1,690,000 บาท
รายละเอียดภาพและข้อมูลเพิ่มเติม คลิกได้ที่นี่ครับ
PORSCHE
718 Cayman มาแล้ว+ Cayenne รุ่นพิเศษ
มาถึงไทยแล้วกับ Cayman สปอร์ตหลังคาแข็ง ซึ่งเพิ่งจะได้รับเครื่อง Boxer
4 สูบเทอร์โบรุ่นใหม่แบบเดียวกับใน 718 Boxster สำหรับประเทศไทยนั้น
Porsche Thailand โดยทาง AAS นำเข้ามา 2 รุ่น ได้แก่
718 Cayman 2.0 ลิตร เทอร์โบ 300 แรงม้า ตั้งราคาเริ่มต้นเอาไว้ที่
6,990,000 บาท
718 Cayman S 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผัน 350 แรงม้า ตั้งราคาเอาไว้
8,300,000 บาท (ต้องไปบวกเพิ่มสำหรับออพชั่นอื่นๆเอาเอง)

ส่วน 718 Boxster นั้น มีการเปิดตัวและให้สื่อมวลชนทดลองขับที่ ราบ 11
ตลอดจนเชิญบางส่วนไปทดลองขับที่สนามเซปังในมาเลย์เซียเป็นที่เรียบร้อย
โครงสร้างหลักและขุมพลังของเครื่องยนต์นั้นเป็นแบบเดียวกันกับ Cayman
ราคารุ่น 2.0 ลิตร อยู่ที่ 7,200,000 บาท และ รุ่น 2.5 (718 Boxster S) อยู่ที่
8,500,000 บาท
สังเกตได้ว่าในเจนเนอเรชั่นนี้ ราคาของ Boxster จะสูงกว่า Cayman นั่นก็
เป็นเพราะการปรับตำแหน่งทางการตลาดใหม่ ซึ่งทำเพื่อให้สอดคล้องกับ
รุ่น 911 (ซึ่ง 911 ที่เป็นบอดี้เปิดประทุน จะมีราคาแพงกว่ารุ่นหลังคาแข็ง)

แต่แน่นอนว่าทั้ง 718 Cayman และ 718 Boxster ก็ต้องจอดรอหน้า 7-11 กันทั้งนั้น
ถ้าหากว่าหนทางข้างหน้าน้ำท่วมสูงเป็นฟุต ในกรณีนั้น Porsche ก็เตรียมรถอีกรุ่น
เอาไว้ให้ท่านเศรษฐีแล้ว มันคือ Cayenne S E-Hybrid Platinum Edition โดยรถรุ่นนี้
จะได้ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วลาย RS Spyder, คิ้วซุ้มล้อสีเดียวกับตัวรถ, ขอบกระจกดำ,
กระจกแบบ Privacy glass, เบาะหนังแท้แบบสปอร์ตตกแต่งด้วย Alcantara
นอกจากนี้ ยังมีระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง BOSE Surround Sound System
ไว้อีกด้วย Cayenne S E-Hybrid Platinum Edition จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8.2 ล้าน
แพงกว่ารุ่นธรรมดา 210,000 บาท
นอกจากนี้ ในบูธ Porsche ยังมีรถรุ่นอื่นมาร่วมโชว์ด้วย เช่น 911 Carrera และ
Macan 2.0 Turbo ซึ่งเป็นรถที่ราคาน่ารักที่สุดของค่ายในปัจจุบันด้วยค่าตัว
6,350,000 บาท
Rolls-Royce

ปีนี้ ไม่มีรถรุ่นใหม่ แต่มีการส่งรถมาโชว์ โดยเฉพาะ Drophead เปิดหลังคา
ซึ่งกำลังเข้าสู่วาระช่วงท้ายของตลาด ใครสั่งช่วงนี้ จะได้เป็นรถล็อตท้ายๆ
ก่อนเลิกผลิต สนนราคาย่อมเยาเพียง 46,500,000 บาทเท่านั้นสำหรับ
ยานยนต์ระดับ Masterpiece ประกอบด้วยมือและใช้วัสดุที่ดีที่สุดในโลก
.
SUBARU
XV STi


เข้าสู่ช่วงท้ายของอายุตลาดแล้วสำหรับ Subaru XV ซึ่งภายในปีหน้า
เราน่าจะได้เห็นรูปลักษณ์ของรถเจนเนอเรชั่นใหม่ ดังนั้นในปีนี้ จึงต้องส่งท้าย
ด้วยการจับ XV มาแต่งเป็นรุ่นพิเศษ XV STi
อุปกรณ์ที่เพิ่มมานั้น ก็ประกอบด้วย ชุดแต่งสปอร์ตรอบคันจาก STi,
ล้อแมกซ์อัลลอย ลายใหม่แต่ขนาดเป็น 17 นิ้ว สวมกับยาง Continental
MC5 ขนาดเท่าเดิม, สเกิร์ตด้านหน้า, ด้านข้าง และด้านหลัง, สปอยเลอร์หลัง,
เหล็กค้ำโช้ค ภายใน มีเบาะสีดำสลับส้ม กับพรมปูพื้นและหัวเกียร์จาก STiดังนั้นสำหรับคนที่ต้องการซื้อ XV ในปัจจุบันคุณจะมีทางเลือกเหลือแค่ 2 ทาง
ซึ่งได้แก่
XV Crosstrek AWD 1,338,000 บาท
XV STI AWD 1,438,000 บาท

สำหรับรุ่นอื่น ก็ยังมีมาครบ ทั้ง BRZ, WRX, WRX STi ส่วน Forester ก็มี
ทั้งรุ่น XT ประกอบจากญี่ปุ่น และ 2.0i กับ iP ประกอบจากมาเลย์ และ
สเตชั่นแวก้อนอย่าง Levorg ก็มา
สำหรับใครที่เป็นติ่งน้า Russ Swift ก็มาดูได้เช่นเคย เฉพาะวันที่ 3-5 ธันวาคม
รวม 3 รอบต่อวัน เวลา 15.00 น., 17.00 น. และ 19.00 น. ที่ลาน P9
ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี
SUZUKI
เพิ่ม Ertiga GX และมี Celerio รุ่นพิเศษ

หลังจากที่เผยโฉม Ertiga ไมเนอร์เชนจ์ไปในช่วงต้นปี แล้วได้รับเสียงตอบจาก
ผู้คนว่า รุ่นธรรมดา หน้าตาก็หล่อดี แต่ออพชั่นไม่ครบ ส่วนรุ่นท้อปอย่าง Dreza
นั้นออพชั่นครบ แต่หน้าตาออกจะฟรุ้งฟริ้งจนแม่ยายไม่ยอมมอง ทาง Suzuki
ก็เลยแก้ลำด้วยการออกรุ่น GX ราคา 695,000 บาท มาคั่นกลางระหว่างรุ่น GL
(ุ655,000 บาท) และรุ่น Dreza (715,000 บาท) กลายเป็นทางเลือกที่ลงตัวสำหรับ
ลูกค้าไทยเพราะได้หน้าหล่อ และออพชั่นไม่ได้น่าเกลียด เพราะเมื่อเทียบกับรุ่น GL
แล้ว ได้กระจกมองข้างพับไฟฟ้า เบาะคนขับปรับสูงต่ำได้ มีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น
มีจอแสดงอุณหภูมินอกตัวรถ และมีระบบเบรก ABS มาให้