• Movie 187
  • Movie 66
  • Sample Page
  • รีวิวหนังดี 294 – P1
  • รีวิวหนังดี 294 – P2
  • รีวิวหนังดี 294 – P3
reviewfilm.dailync91news.live
No Result
View All Result
No Result
View All Result
reviewfilm.dailync91news.live
No Result
View All Result

N2208004_ไข ใบใหญ เด กชายโผล ออกมาง แม อย างๆ งก บม นงง (1)_part2

admin79 by admin79
August 19, 2025
in Uncategorized
0
N2208004_ไข ใบใหญ เด กชายโผล ออกมาง แม อย างๆ งก บม นงง (1)_part2

รูปลักษณ์เปี่ยมสไตล์

เมื่อมองแวบแรก Temerario สื่อถึง DNA ในแบบฉบับของลัมโบร์กินีได้อย่างชัดเจน ทั้งเส้นสายที่เด่นชัด การผสมผสานของระบบอากาศพลศาสตร์อย่างยอดเยี่ยม และดีไซน์ทรงจมูกฉลามอันโดดเด่น

ภาษาการออกแบบของลัมโบร์กีนีถูกต่อยอดเพื่อสร้างสรรค์ดีไซน์ไฟหกเหลี่ยม Daytime Running Light (DRL) ระดับซิกเนเจอร์รูปแบบใหม่ซึ่งโดดเด่นสะดุดตาแม้มองจากกระยะไกล โดยแนวคิดรูปหกเหลี่ยมยังถือเป็นธีมการออกแบบหลักของทั้งตัวรถ ซึ่งพบได้ทั้งในส่วนตัวถังหลัก ช่องลมเข้าด้านข้าง ไฟท้าย และท่อไอเสียรูปหกเหลี่ยมอันน่าทึ่ง “ไฟหกเหลี่ยมระดับซิกเนเจอร์อันเป็นเอกลักษณ์นี้ การันตีว่า Temerario จะเป็นที่จดจำได้ทันทีในกลุ่มรถลัมโบร์กินี และยังมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้ในระยะไกล” มร.มิตจาโบร์เคิร์ตเน้นย้ำ รูปหกเหลี่ยมทางเรขาคณิตยังเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์อันโดดเด่นที่สุดของลัมโบร์กินีมาตั้งแต่ทศวรรษ 1960

ไฟ DRL ทรงหกเหลี่ยมมีเซ็นเซอร์เรดาร์ในตัวและช่องอากาศในตัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาในการออกแบบที่ผสานระบบไฟส่องสว่างเข้ากับหลักการอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง นอกจากนี้ ช่องอากาศที่อยู่ด้านล่างไฟหน้ายังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการไหลของอากาศและการระบายความร้อนของระบบเบรกหน้าประสิทธิภาพสูง เพื่อเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น 

ทีมนักออกแบบของ Temerario ได้ผสานองค์ประกอบจากอุตสาหกรรมการบินเข้ากับภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งภายในได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยพื้นผิวที่ดูแข็งแรงและห้องโดยสารที่เพรียวลู่ไปทางท่อไอเสียหกเหลี่ยมด้านหลัง ปลายฝากระโปรงครอบส่วนหน้าทั้งหมดใช้ดีไซน์จมูกฉลามอันแข็งแกร่งและโดดเด่น และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความความเร็วที่แบรนด์ภาคภูมิใจ ดีไซน์ไฟหน้าที่เฉียบคมและหรูหรายังซ้อนทับไปกับฝากระโปรงเล็กน้อยซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรถจักรยานยนต์สปอร์ต ส่วนบานเกล็ดนำอากาศถูกเชื่อมต่อกับ สปอยเลอร์หน้าระดับต่ำพร้อมฝากระโปรง ในขณะที่ครีบด้านข้างช่วยควบคุมการไหลเวียนของอากาศตามแนวด้านข้าง ประกอบกับสเกิร์ตข้างรูปฉลามเพื่อเสริมแรงอากาศพลศาสตร์และเพิ่มแรงกดไปพร้อมกัน

ด้วยดีไซน์ขอบที่กว้างและยาว พร้อมรูปลักษณ์อันทรงพลัง ทำให้รูปลักษณ์ด้านข้างของ Temerario ทอดยาวจากด้านหน้าขึ้นไปเหนือประตู ตอกย้ำความเป็นรถสปอร์ตสุดขั้วอย่างแท้จริง ช่องดักอากาศเข้าอันทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพที่อยู่หลังประตูข้างยังช่วยการันตีการไหลของอากาศที่เพียงพอสำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ V8 ประสิทธิภาพสูง และในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มแรงกดของโครงแชสซีได้อย่างชัดเจน สปอยเลอร์หลังแบบฟิกซ์ตำแหน่งช่วยเน้นความกว้างด้านหลังของรถ และสำหรับส่วนท้ายรถขนาดกะทัดรัดแต่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพด้านเทคนิคยังได้ผสานรายละเอียดต่าง ๆ จากวงการมอเตอร์สปอร์ตเข้าไว้อย่างลงตัว ทั้งดิฟฟิวเซอร์แบบกว้างที่ยื่นไปใต้ตัวรถและท่อไอเสียรวม ซึ่งไฟท้ายดีไซน์หกเหลี่ยมรูปแบบใหม่ก็มีส่วนช่วยให้อากาศไหลผ่านได้ง่าย เพื่อเสริมการระบายความร้อนของเครื่องยนต์

ส่วนหลังคาได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ โดยรูปแบบที่เอนลู่ไปทางด้านหลังเล็กน้อยจะช่วยนำอากาศไปยังปีกหลังที่รวมไว้โดยตรง ซึ่งส่วนนี้จะมีประโยชน์มากโดยช่วยให้เครื่องยนต์ หม้อน้ำ และเครื่องเทอร์โบชาร์จเจอร์มีอากาศไหลเวียนอย่างเพียงพอ 

หัวใจสำคัญของ Temerario คือเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ V8 ขนาด 4.0 ลิตรที่พัฒนาใหม่ในทุกรายละเอียดซึ่งมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าฟลักซ์ตามแนวแกน โดยในการสร้างคอนเซ็ปต์ระบบส่งกำลังรูปแบบใหม่ ทีมนักออกแบบและวิศวกรได้พัฒนาโครงแชสซีและตัวถังแบบใหม่ ซึ่งฝ่าย Lamborghini Centro Stile ได้ใช้แนวคิดอิสระมากที่สุดในการคิดค้นระบบขับเคลื่อนที่เหมาะสมและสวยงาม เพื่อเน้นสัมผัสของเครื่องยนต์ติดตั้งกลางตัวรถอย่างชัดเจน ทำให้ลัมโบร์กินีนำเสนอความเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ V8 อย่างเปิดเผย ราวกับเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ภายใต้ฝากระโปรงโปร่งใสที่ชัดเจน

“ด้วยสไตล์ที่มีเส้นสายสะอาดตาแต่น่าเร้าใจของ Temerario เราได้นำเสนอรูปทรงรถยนต์ใหม่ในแง่ของการออกแบบที่มีความเป็นแก่นแท้และเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ของลัมโบร์กีนี ถือเป็นย่างก้าวครั้งสำคัญไปสู่อนาคตอันยิ่งใหญ่” มร.มิตจาโบร์เคิร์ตกล่าว “Temerario ผสานสไตล์และสมรรถนะเข้ากับความสมบูรณ์แบบ พร้อมนำเสนอการผสมผสานระหว่างการออกแบบ ระบบวิศวกรรม และประสบการณ์ขับขี่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในกลุ่มรถยนต์รุ่นใหม่ของวันนี้”

ห้องโดยสารภายในแบบ “Feel like a pilot”

“ปรัชญา ‘รู้สึกเสมือนเป็นนักบิน’ ของลัมโบร์กีนีได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยรูปแบบใหม่ใน Temerario ด้วยตำแหน่งเบาะนั่งต่ำ แดชบอร์ดดีไซน์เพรียวบางน้ำหนักเบา และองศาการเอียงพวงมาลัยที่สมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้ขับเข้าถึงสไตล์การขับขี่ที่สนุกสนานในแบบฉบับลัมโบร์กินี การผสานระหว่างหน้าจอดิจิทัลเข้ากับปุ่มกลไกแบบกด เช่น ปุ่มสตาร์ทที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ หรือพวงมาลัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง ก่อให้เกิดประสบการณ์สุดพิเศษในแบบ ‘สไตล์นักบิน’” มร.มิตจาโบร์เคิร์ตอธิบาย “ส่วนเบาะนั่งไฟฟ้าดีไซน์แนวสปอร์ตแบบใหม่ที่สะดวกสบายถูกติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน หรือสามารถเลือกเบาะนั่งแนวสปอร์ตแบบคาร์บอนไฟเบอร์ที่โอบอุ้มผู้โดยสารราวกับถุงมือก็ได้ โดยห้องโดยสารและคอนโซลกลางถูกออกแบบให้เหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์ทั้งหมด” 

เบาะนั่งนำเสนอออปชันให้เลือกหลายสีพร้อม 4 รูปแบบการเย็บ โดยในปัจจุบันยังไม่มีเบาะนั่งของรถยนต์ลัมโบร์กีนีรุ่นใดที่นำเสนอตัวเลือกได้หลากหลายเท่ากับเบาะนั่งคอมฟอร์ตที่พัฒนาขึ้นใหม่ในรุ่น Temerario ซึ่งสามารถปรับได้ถึง 18 ทิศทาง พร้อมระบบทำความร้อนและระบายอากาศที่ดีเยี่ยม

ห้องโดยสารภายในยังสะท้อนถึงการออกแบบภายนอกที่เหนือชั้นและมอบสมดุลระหว่างประสบการณ์ดิจิทัลและประสาทสัมผัสที่ลงตัว โดยลัมโบร์กีนีเลือกใช้วัสดุคุณภาพดีที่สุดทั้งคาร์บอน หนัง และไมโครไฟเบอร์แบบ Corsatex ในทุกองค์ประกอบการตกแต่งภายในและผสานเข้าด้วยกันเพื่อสร้างประสบการณ์ห้องโดยสาร ลูกค้ายังสามารถเลือกองค์ประกอบการตกแต่งภายในด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เป็นออปชันเสริม ทั้งชิ้นส่วนคอนโซลกลาง ช่องระบายอากาศ แผงประตู ชิ้นส่วนแผงหน้าปัด พวงมาลัย และคอพวงมาลัย ซึ่งนอกจากวัสดุน้ำหนักเบาที่มอบความหรูหรา ลูกค้ายังสามารถเลือกองค์ประกอบคลาสสิกของแบรนด์ ทั้ง “ปุ่มเพาเวอร์” Start/Stop ที่นำแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบิน รวมถึงคันเกียร์ไฟฟ้าและไฟแสดงสถานะ “ไลน์อัพ” สีแดงบนพวงมาลัย เพื่อขับเน้นถึงความเป็นสปอร์ตคาร์สุดขั้วของ Lamborghini Temerario 

ด้วยการออกแบบแดชบอร์ดรุ่นใหม่ จึงทำให้ทั้งนักบินและผู้ช่วยนักบินสัมผัสถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับรถยนต์ได้อย่างรวดเร็ว สมดังปรัชญา “Feel like a pilot”  โดยนักบินสามารถเข้าถึงส่วนควบคุมทั้งหมดจากตำแหน่งที่นั่งได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ช่องระบายอากาศหกเหลี่ยมอันเปี่ยมเอกลักษณ์ถูกนำมาผสานรวมเข้ากับห้องนักบินอย่างหรูหรา พร้อมคอนโซลกลางซึ่งมีช่องวางสมาร์ตโฟนและกระเป๋าสตางค์ที่สะดวกสบาย

พวงมาลัยที่พัฒนาขึ้นใหม่พร้อมออปชันอุปกรณ์เสริมวัสดุคาร์บอน ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่งรถ  ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมฟังก์ชันการขับขี่ที่จำเป็นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้านซ้ายของพวงมาลัยติดตั้งปุ่มสวิตช์แบบหมุนสีแดงเพื่อใช้เลือกโหมดการขับขี่ ด้านล่างติดตั้งปุ่มควบคุมฟังก์ชันการยก ปุ่ม “Race start” และระหว่างปุ่มเหล่านั้นยังมีสวิตช์สำหรับอินดิเคเตอร์ต่าง ๆ โดยผู้ขับขี่สามารถสั่งงาน Launch Control ได้ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียวเพื่อเข้าถึงการควบคุมระดับสูงสุด

สุนทรียศาสตร์ในแบบฉบับนักบิน

ลัมโบร์กีนีเลือกใช้คอนเซ็ปต์กราฟิกสมัยใหม่สำหรับในการตกแต่งภายใน Temerario พร้อมองค์ประกอบอันเป็นเอกลักษณ์ที่ถูกนำมาใช้ในหลาย ๆ ส่วนทั่วห้องโดยสาร ซึ่งรวมถึงช่องกลาง แผ่นหน้าจอสัมผัส รวมถึงรอบช่องระบายอากาศและตะเข็บ “ทั้งลายกราฟิกหกเหลี่ยม การเลือกใช้วัสดุ และกราฟิกดิจิทัลรูปแบบใหม่ ล้วนทำให้ภายใน Temerario มีความละเอียดซับซ้อนและเร้าอารมณ์อย่างมาก” มร.มิตจาโบร์เคิร์ต กล่าว นับเป็นครั้งแรกที่เบาะนั่งของนักบินผู้ช่วยด้านข้างมีจอแสดงผลที่บางเฉียบเป็นของตัวเอง ซึ่งสามารถเรียกดูข้อมูลการขับขี่และฟังก์ชันต่าง ๆ ของรถได้เช่นกัน ส่วนนักบินก็สามารถควบคุมอุปกรณ์การขับขี่หลักได้ในรูปแบบอะนาล็อก ในขณะที่อุปกรณ์ความบันเทิงและระบบนำทางจะเป็นการควบคุมด้วยระบบสัมผัสผ่านจอแสดงผลที่คอนโซลกลาง การใช้คอนเซ็ปต์ “สุนทรียศาสตร์ในแบบฉบับนักบิน (Pilot Interaction)” ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถดื่มด่ำกับการทำงานของ Temerario อย่างใกล้ชิดและควบคุมการขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ระบบ “Pilot Interaction” ที่ทำงานผ่านอินเตอร์เฟซ Human-Machine Interface (HMI) รูปแบบใหม่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลของ Temerario โดยลัมโบร์กีนีได้พัฒนาลวดลายกราฟิกและดีไซน์ใหม่ขึ้นโดยเฉพาะ ถือเป็นการพัฒนาต่อยอด DNA ลายกราฟิกขึ้นใหม่จากที่เคยเริ่มต้นไว้ในรุ่น Revuelto โดยมีการติดตั้งจอแสดงผลขนาด 8.4 นิ้วแบบใหม่บนคอนโซลกลาง เพื่อให้สามารถปรับแต่งธีมต่าง ๆ ได้ในทันที ทั้งนักบินและนักบินผู้ช่วยยังสามารถเลื่อนแอปและข้อมูลต่าง ๆ จากจอแสดงผลกลางไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อย้ายเนื้อหาไปยังจอหน้าผู้ขับและนักบินผู้ช่วยได้เช่นเดียวกับในสมาร์ตโฟน โดยผู้ขับจะได้รับข้อมูลบนแผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว ส่วนข้อมูลของผู้โดยสารด้านข้างจะถูกแสดงพร้อมกันบนจอหน้าขนาด 9.1 นิ้ว หากนักบินเปลี่ยนโหมดการขับขี่ กราฟิกที่จอแสดงผลก็จะเปลี่ยนไปตามรูปแบบการขับขี่ด้วยเช่นกัน

พื้นที่กว้างขวางตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้มากขึ้น

ห้องโดยสารของ Temerario ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Huracán ในขณะเดียวกันก็ได้พัฒนาต่อยอดการออกแบบที่ปรากฏครั้งแรกในรุ่น Revuelto โดยใช้โครงแชสซีสเปซเฟรมรุ่นใหม่ซึ่งทำให้ Temerario มีพื้นที่ภายในที่กว้างขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน การวางตำแหน่งเบาะนั่งต่ำและถูกต้องตามหลักสรีระศาสตร์ช่วยให้นักขับและผู้โดยสารรู้สึกเชื่อมโยงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับรถได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมกับให้ความสะดวกสบายในระดับสูง ตามปรัชญาของลัมโบร์กีนีที่ว่า “Feel like a pilot”

คอนเซ็ปต์โครงแชสซีสเปซเฟรมแบบใหม่ช่วยเพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะได้ถึง 34 มม. และพื้นที่วางขา 46 มม. บวกกับทัศนวิสัยที่เพิ่มขึ้น 4.8° และสามารถรองรับผู้โดยสารที่สูงถึง 200 ซม.แม้จะสวมหมวกกันน็อกก็ตาม ซึ่งหมายความว่าแม้แต่นักแข่งรถที่สูงที่สุดที่สวมหมวกกันน็อกก็ยังสามารถโลดแล่นในสนามแข่งขันได้อย่างสบายๆ โดยยังมีพื้นที่สำหรับเก็บสิ่งของต่างๆ เช่น อุปกรณ์กีฬาในช่องเก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้า ด้วยพื้นที่เก็บของมากถึง 112 ลิตร เทียบเท่ากับกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ ส่วนของใช้ในชีวิตประจำวันอื่น ๆ ก็สามารถเก็บไว้ได้บริเวณด้านหลังเบาะนั่ง

“การมอบความสะดวกสบายสูงสุดแก่ลูกค้าคือหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของเรา” มร.เปาโลแรคเชตติผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์ Temerario กล่าว “ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ของเราถูกนำไปใช้งานทั้งเพื่อการขับขี่ในเมืองและการเดินทางระยะไกล การเพิ่มความสบายเมื่ออยู่ภายในรถไปพร้อมกับการรักษาขนาดและสัดส่วนของรถให้กะทัดรัดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก็ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญในขั้นตอนการพัฒนา โดย Temerario เป็นซูเปอร์สปอร์ตคาร์อเนกประสงค์ที่พร้อมลุยทั้งในสนามแข่งและเป็นเพื่อนเดินทางที่สมบูรณ์แบบในวันหยุดยาว”

ระบบเสียงสุดพรีเมียม

ระบบเสียงของ Temerario ได้รับการสร้างสรรค์โดย Sonus faber ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงชาวอิตาลีจากเมืองวิเซนซา โดยระบบเกรดพรีเมียมนี้จะมอบประสบการณ์แห่งเสียงที่ดื่มด่ำ โดยโดดเด่นด้วยเสียงที่เป็นธรรมชาติอันกระจ่างใสที่ได้รับการยกย่องของ Sonus faber ทุกส่วนประกอบได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันและปรับแต่งอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะมอบประสบการณ์การฟังอันเปี่ยมด้วยสุนทรียศาสตร์และความเที่ยงตรงสมกับเป็นงานฝีมือในแบบฉบับอิตาลี ห้องโดยสารที่กว้างขวางและเครื่องยนต์อันทรงพลังของ Temerario ยังได้รับการเสริมด้วยระบบเสียง Sonus faber อย่างลงตัว จึงรับประกันประสบการณ์ที่หรูหราและเร้าอารมณ์ในทุกเส้นทาง

การปรับแต่งและแพ็กเกจ Alleggerita

Temerario เปิดตัวด้วย 2 โทนสีใหม่ที่ออกแบบมาพร้อมกับรถรุ่นนี้ ได้แก่ สีน้ำเงิน Blu Marinus และสีเขียว Verde Mercurius พร้อมนำเสนอสีตัวถังมากกว่า 400 รายการและลวดลายพิเศษ พร้อมให้ลูกค้าเลือกปรับแต่งได้อย่างไม่รู้จบผ่านโปรแกรม Ad Personam ของลัมโบร์กีนี นอกจากนี้ ยังนำเสนอล้อหน้าใหม่ขนาด 20 นิ้วและล้อหลัง 21 นิ้ว โดยมีให้เลือก 3 แบบในวัสดุที่แตกต่างกัน ทั้งล้อโหละผสม (สามสี) ล้อฟอร์จ (สี่สี) และล้อคาร์บอน โดยการตกแต่งทั้งภายนอกและภายในก็มีออปชันคาร์บอนไฟเบอร์ให้เลือกหลากหลายส่วน อาทิ สปลิตเตอร์หน้า ฝาครอบกระจก ช่องระบายอากาศด้านข้าง ดิฟฟิวเซอร์ด้านหลัง ช่องกลาง แผงหน้าปัด ช่องระบายอากาศ กรอบสวิตช์ประตู พวงมาลัยคาร์บอน ฝาครอบคอพวงมาลัย และหัวเกียร์

นี่คือครั้งแรกที่ลัมโบร์กินีเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับแพ็คเกจ ‘Alleggerita’ (วัสดุน้ำหนักเบา) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่เน้นประสบการณ์การขับขี่ในสนามแข่งมากขึ้น โดยสามารถลดน้ำหนักรถลงได้ถึง 12.65 กก.เมื่อนับรวมส่วนประกอบต่างๆ ของตัวรถเพียงอย่างเดียว และจะลดลงได้มากกว่า 25 กก. เมื่อเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในน้ำหนักเบาและขอบล้อคาร์บอน และยิ่งมอบประสิทธิภาพการขับขี่มากขึ้นเมื่อพิจารณาบนมุมมองตามหลักอากาศพลศาสตร์ (แรงอากาศพลศาสตร์เพิ่มขึ้น 67%) 

แพ็กเกจ Alleggerita ประกอบด้วยสปลิตเตอร์ที่ทำจากโพลีเมอร์เสริมคาร์บอนไฟเบอร์ CFRP (-0.19 กก.) และแผงใต้ท้องรถคาร์บอนไฟเบอร์รีไซเคิล (-0.55 กก.) ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าด้านความยั่งยืนของลัมโบร์กีนี ส่วนสเกิร์ตข้างแบบใหม่ที่ใช้วัสดุ CFRP ยังช่วยลดน้ำหนักได้อีก 0.6 กก. เช่นเดียวกับฝากระโปรงหลัง (-9.2 กก.) และแผงสำหรับติดตั้งสปอยเลอร์รับน้ำหนัก (-1.6 กก.)

สำหรับห้องโดยสารภายใน ชุดตกแต่ง Lightweight Pack จะประกอบด้วยแผงประตูคาร์บอนไฟเบอร์และยังสามารถเลือกเบาะนั่งแบบสปอร์ตที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งการแข่งรถ ส่วนน้ำหนักหน้าต่างก็ลดลงเช่นกัน โดยกระจกด้านหลังใช้กระจกน้ำหนักเบาเพื่อช่วยลดน้ำหนักได้ 0.85 กก. ส่วนหน้าต่างข้างแบบฟิกซ์ตำแหน่งก็ใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนต (-0.45 กก.)

นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกชุดแต่งคาร์บอนเสริมสำหรับภายนอกของตัวรถยนต์ ซึ่งประกอบด้วยดิฟฟิวเซอร์หลัง ฝาครอบกระจกมองหลัง และฝาครอบช่องลมเข้าคาร์บอนด้านข้าง ซึ่งช่วยลดน้ำหนักลงได้อีก 1.82 กก.

เทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์ขั้นสุดยอด

ลัมโบร์กีนีสามารถบรรลุจุดสูงสุดแห่งประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ใน Temerario ผ่านการออกแบบที่ประสบความสำเร็จในหลัก 3 ด้าน ได้แก่ เสถียรภาพที่ระดับความเร็วสูง การระบายความร้อนที่ดีขึ้น และประสิทธิภาพการเบรกขั้นสูงสุด

ทีมนักออกแบบและวิศวกรของลัมโบร์กีนีมุ่งมั่นพัฒนาระบบส่งกำลังไฮบริดรุ่นใหม่และการสร้างแรงตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่มากขึ้นโดยเฉพาะที่ด้านหลังตัวรถ ซึ่งเมื่อพัฒนาตัวถังและส่วนล่างของ Temerario แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือแรงกดด้านหลังเพิ่มขึ้น +103% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Huracán EVO และจะเพิ่มขึ้นเป็น +158% เมื่อใช้ชุดวัสดุ Alleggerita Pack

ทุกองค์ประกอบได้รับการออกแบบเพื่อสร้างสมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์อันยอดเยี่ยม เริ่มจากด้านหน้าซึ่งดวงไฟหกเหลี่ยมแบบ DRL ได้กลายมาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบอากาศพลศาสตร์ โดยมีช่องลมเข้าและแผงปรับทางลมซึ่งทำหน้าที่นำกระแสลมจากกันชนไปยังส่วนบนของหม้อน้ำด้านข้างซึ่งมีการติดตั้งครีบ 2 ตัวที่ช่องทางเข้า ครีบทรงปีกด้านบนจะปรับทางลมให้ไหลลงด้านล่าง ซึ่งลมจะถูกจับโดยครีบแนวนอนตัวที่สอง และนำลมให้ไหลเข้าสู่หม้อน้ำในแนวตั้งฉากซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนได้มากที่สุด 

นอกจากนั้น ครีบที่ประกอบเป็นกระจังหน้าบนซุ้มล้อยังช่วยถ่ายเทอากาศให้ไหลไปยังด้านนอกของล้อ โดยเคลื่อนออกจากหม้อน้ำด้านข้างและลดการเกิด Air Turbulence พร้อมมอบสองเอฟเฟกต์พร้อมกัน ทั้งการลดแรงต้านอากาศพลศาสตร์ และเพิ่มแรงกดไปทางด้านหลังของตัวรถ

กระจกมองข้างซึ่งทำงานประสานกับส่วนหน้าของรถ ไม่เพียงช่วยลดแรงต้านเท่านั้น แต่ยังช่วยนำอากาศไปยังหม้อน้ำด้านข้าง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการระบายความร้อนให้กับส่วนประกอบกลไกต่าง ๆ 

การออกแบบหลังคาพร้อมช่องกลางยังช่วยนำอากาศไปยังสปอยเลอร์หลังซึ่งติดตั้งกับตัวรถ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์และเพิ่มแรงกดได้ในตัว ด้านที่มีความโค้งของฝากระโปรงรถก็มีส่วนช่วยเสริมผลลัพธ์ในด้านอากาศพลศาสตร์เช่นกัน โดยจะช่วยเพิ่มปริมาณอากาศที่ไหลผ่านด้านข้างของสปอยเลอร์ โดยแพ็คเกจเสริม Alleggerita มาพร้อมกับสปอยเลอร์หลังน้ำหนักเบาที่สามารถรับแรงกดได้อย่างมหาสาร ซึ่งเกิดจากการเพิ่มความสูงของขอบท้ายรถรวมถึงส่วนโค้งที่เพิ่มขึ้น

ส่วนท้องรถก็มีเป็นโครงสร้างที่มีบทบาทสำคัญในแง่ประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ โดยใต้ท้องรถมีการติดตั้งระบบอัดเรียงอากาศ กล่าวคือมีครีบสามคู่ที่จัดเรียงเหมือนกิ่งก้านของต้นไม้เพื่อช่วยเพิ่มแรงอากาศพลศาสตร์บริเวณส่วนท้ายรถและเสริมการทำงานของดิฟฟิวเซอร์ซึ่งมีพื้นที่ผิวที่มากขึ้นถึง 70% เมื่อเปรียบเทียบกับของรุ่น Huracán EVO และมีมุมที่เพิ่มขึ้น 4° จึงช่วยเพิ่มการสกัดลมแนวตั้งจากด้านล่างได้มากที่สุด เนื่องจากระบบส่งกำลังเทอร์โบไฮบริดรุ่นใหม่ที่ต้องการระบบระบายความร้อนที่ดีขึ้น ทำให้ทีมออกแบบจำเป็นต้องพัฒนาโครงหม้อน้ำรุ่นใหม่ ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อนได้ถึง 30% 

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพที่โดดเด่นของ Temerario ให้ถึงขีดสุด จึงเกิดแนวคิดพัฒนาการระบายความร้อนเบรกแบบใหม่เพื่อให้ประสิทธิภาพการเบรกดีขึ้น โดยส่วนหน้ามีแผ่นบังคับทางลมที่ติดอยู่กับแกนระบบกันสะเทือนด้านล่าง ซึ่งใช้ประโยชน์จากการไหลของอากาศที่ถูกเปลี่ยนทิศทางโดยดิฟฟิวเซอร์หน้า โดยนำลมไปทางคาลิปเปอร์เบรกหน้าเพื่อช่วยระบายความร้อน ช่องลมเข้าเฉพาะอีกสองช่องได้ถูกออกแบบรวมในส่วนกันชน เพื่อถ่ายเทลมที่ไหลมาในระดับสูงจากกันชนไปยังช่องระบายอากาศของแผ่นดิสก์เบรก จากนั้นจะมีท่อตัววาย (Y)  ซึ่งมีช่องลมเข้าคู่แต่มีช่องออกเดียว ช่วยดึงอากาศเข้ามาด้วยแรงดันสูง เพื่อเพิ่มการระบายความร้อนของระบบเบรกได้อย่างดีเยี่ยม ผลลัพธ์โดยรวมคือการยกระดับประสิทธิภาพการระบายความร้อนในภาพรวมซึ่งเหนือกว่ารุ่น Huracán EVO ถึง 20% สำหรับส่วนดิสก์เบรกและดีกว่าถึง 50% ในส่วนคาลิปเปอร์ 

ในส่วนท้ายรถใช้เทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในรุ่น Revuelto โดยช่องระบายอากาศสำหรับดิสก์เบรกหลังจะทอดผ่านท่อ NACA ที่วางอยู่ด้านหน้าของโครงล้อหลัง ซึ่งจะรวมกระแสลมกำลังสูงที่อยู่ใต้ท้องรถและส่งต่อไปยังท่อระบายความร้อนของเบรก 

โครงสร้างสเปซเฟรม 

โครงสร้างของ Temerario เผยให้เห็นตัวถังสีขาว (Body-in-White) แบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีสเปซเฟรมเพื่อให้ทนทานต่อแรงเค้นที่สูงขึ้นจากหน่วยพลังงานไฮบริดรูปแบบใหม่ ซึ่งจะช่วยรับประกันคุณภาพเชิงกลไกที่ยอดเยี่ยม พร้อมประสิทธิภาพการลดโหลดน้ำหนักอย่างมีนัยสำคัญ 

โครงของ Temerario ผลิตจากอะลูมิเนียมทั้งหมด ถือเป็นการเปิดตัววัสดุโลหะผสมที่มีความแข็งแรงสูงชนิดใหม่สำหรับงานหล่อแรงดันสูง ซึ่งประกอบด้วยการอัดขึ้นรูปไฮโดรฟอร์มความแข็งแรงสูงและการเพิ่มจำนวนการหล่อแบบกลวงที่มีส่วนแรงเฉื่อยบางเฉพาะเพิ่มขึ้นโดยใช้แกนภายใน เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดความซับซ้อนในเชิงโครงสร้างของสเปซเฟรมและช่วยให้โครงมีน้ำหนักที่เหมาะสม ขณะเดียวกันระบบส่งกำลังไฮบริดรุ่นใหม่ยังใช้ชิ้นส่วนน้อยลงกว่า 50% เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรวัดเดียวกันของรุ่น Huracán นอกจากนี้ Temerario ยังลดจำนวนรอยเชื่อมลงอย่างมาก โดยความยาวแนวเชื่อมรวมลดลงกว่า 80% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Huracán 

โครงสร้างสเปซเฟรมแบบใหม่เพิ่มความแข็งแรงมากขึ้นถึง 20% เมื่อเปรียบเทียบกับสเปซเฟรมรุ่นก่อนหน้า พร้อมทั้งมอบขีดจำกัดด้านน้ำหนักที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จึงมั่นใจได้ถึงระดับความปลอดภัยที่ดีที่สุดสำหรับผู้โดยสาร และไดนามิกในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม

สุดยอดประสบการณ์การขับขี่

Temerario นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ 13 รูปแบบที่ทำให้ซูเปอร์สปอร์ตคาร์มีความอเนกประสงค์และความเร้าใจทั้งในการขับขี่ในชีวิตประจำวันและบนสนามแข่ง โดยสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ด้วยปุ่มสั่งงานบนพวงมาลัย ซึ่งปุ่มสั่งงานสีแดงด้านซ้ายบนจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้ทั้งโหมด Città, Strada, Sport, Corsa และ Corsa Plus (เมื่อ ESC Off ปิดใช้งานการควบคุมแบบไฟฟ้า) นอกจากนี้ เมื่อกดปุ่ม “Checkered flag” นาน 2 วินาที ระบบ Launch Control จะถูกเปิดใช้งานเพื่อเข้าถึงศักยภาพสูงสุดเมื่อออกตัวจากจุดสตาร์ทแบบหยุดนิ่ง 

“Temerario มาพร้อมประสบการณ์การขับขี่รูปแบบ Innovative และ Puristic ด้วยระบบ e-4WD ที่รวมเข้ากับเวกเตอร์แรงบิดนับเป็นการผสมผสานที่ลงตัว” มร.รูเว็นโมห์แสดงความเห็น “ในขณะเดียวกัน เราได้รถยนต์ที่โฉบเฉี่ยวและเปี่ยมประสิทธิภาพในสนามแข่ง และได้ขีดความสามารถของระบบขับเคลื่อนล้อหลังที่ดีเยี่ยม ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่มีประสบการณ์ร่วมกับรถยนต์ได้อย่างเต็มที่” 

ด้วยการใช้ระบบไฮบริด ลัมโบร์กินีจึงสามารถเปิดตัวโหมดการขับขี่ 3 โหมดใหม่ ได้แก่ Recharge, Hybrid และ Performance ซึ่งสามารถเลือกได้โดยใช้ปุ่มสั่งงานด้านขวาบนพวงมาลัย ตัวเลือกโหมดการขับขี่จะแสดงบนแดชบอร์ดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วของผู้ขับขี่ โดยที่กราฟิกแอนิเมชันจะจำลองการหมุนของตัวเลือก เพื่อทำให้สามารถเลือกได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

โหมด Città คือประสบการณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการขับขี่ในเขตเมืองซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งแบบไฮบริด (ขับเคลื่อนล้อหน้าโดยมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ผ่านชุดขับเคลื่อนเพลาหน้า e-axle ที่ให้กำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ 190 แรงม้า) และในโหมด Recharge ซึ่งช่วยให้เครื่องยนต์ V8 สามารถชาร์จแบตเตอรี่กลับได้อย่างรวดเร็วหากจำเป็น และโหมด Strada เหมาะสำหรับการขับขี่ในเส้นทางนอกเมืองและการเดินทางระยะไกล และเพื่อให้การขับขี่แบบสปอร์ตมีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมเปิดใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เครื่องยนต์ V8 จะสนับสนุนการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเสมอด้วยกำลังสูงสุด 800 แรงม้า ผ่านระบบส่งกำลังในโหมดไฮบริด ในขณะที่อยู่ในโหมด Recharge กำลังขับสูงสุดจะเท่ากับ 725 แรงม้า โดยชุดขับเคลื่อน e-axle ด้านหน้าจะรองรับแรงบิดเวกเตอร์และการทำงานของอากาศพลศาสตร์ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดเสถียรภาพสูงสุดเมื่อขับด้วยความเร็วสูง เช่น บนมอเตอร์เวย์ เป็นต้น 

เมื่อเลือกโหมด Sport จะเปลี่ยนคาแรกเตอร์ของ Temerario ไปอย่างสิ้นเชิง โดยรถจะถูกตั้งค่าใหม่เพื่อมอบการขับขี่ที่เร้าใจ สนุกสนาน และตอบสนองร่วมกันได้ทั้ง 3 โหมด คือ Recharge, Hybrid และ Performance เครื่องยนต์สันดาปซึ่งได้รับการเสริมกำลังจากระบบไฮบริดจะทำงานทั้ง 3 สถานการณ์ โดยให้กำลังสูงสุด 920 แรงม้า ขณะที่เสียงเครื่องยนต์ V8 จะดังกระหึ่มขึ้น ชุดเกียร์จะตอบสนองอย่างรวดเร็วขั้นสุด ในขณะที่ระบบกันสะเทือนและอากาศพลศาสตร์จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและอรรถรสในการขับขี่ในยามเข้าโค้ง 

ในโหมดการขับขี่แบบ Corsa ซึ่งเป็นโหมดที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถแบบไดนามิกของ Temerario บนสนามแข่ง โดยในด้านสมรรถนะ ระบบส่งกำลังจะแสดงศักยภาพสูงสุดด้วยกำลังเครื่องยนต์ถึง 920 แรงม้า และการควบคุมระบบไฮบริดจะถูกปรับค่าเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากชุดขับเคลื่อน e-axle ทั้งในแง่ของการควบคุมแรงบิดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเพื่อมอบสัมผัสการขับขี่แบบสปอร์ตขั้นสุด แต่ก็ยังสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังมอบเสียงเครื่องยนต์ที่เข้าถึงอารมณ์ได้สูงสุดเพื่อสร้างประสบการณ์เสียงอันน่าดึงดูดและเร้าใจ 

Temerario ยังมาพร้อมกับโหมด Drift เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมพวงมาลัยเพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ ด้วยการเปิดใช้งานผ่านปุ่มปรับโหมดด้านล่างทางด้านขวาของพวงมาลัย โหมด Drift สามารถปรับได้ 3 ระดับ โดยระดับ 1 จะเพิ่มความไวโค้งโดยมีมุมสไลด์ที่จำกัด ไปจนถึงระดับ 3 สำหรับผู้ขับขี่ที่เชี่ยวชาญโดยเฉพาะซึ่งจะมีมุมสไลด์ที่กว้างมากขึ้น

การเชื่อมต่อออนไลน์

Temerario เป็นรถยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดในประวัติศาสตร์ของลัมโบร์กินีในด้านมัลติมีเดีย เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Huracán จะเห็นว่าการเชื่อมต่อมีความล้ำหน้ามากกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยนำเสนอบริการและฟีเจอร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานรถยนต์ในแต่ละวัน ร่วมกับฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อมอบความสนุกสนานโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนนหรือในสนามแข่ง 

ผู้ขับขี่สามารถใช้ระบบนำทางพร้อมการอัปเดตแผนที่แบบ Over-the-air และข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการจราจรและสถานที่ใกล้เคียง ชุดเชื่อมต่อออนไลน์ยังประกอบด้วยเนื้อหาความบันเทิงมากมาย เช่น วิทยุผ่านเว็บ ระบบสั่งงานด้วยเสียง และการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนแบบไร้สายผ่าน Apple Car Play และ Android Auto โดย Temerario ได้นำเสนอระบบ Human Machine Interface (HMI) ซึ่งประกอบด้วยจอแสดงผล 3 จอ ได้แก่ แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอกลางขนาด 8.4 นิ้ว และจอแสดงผลของผู้โดยสารขนาด 9.1 นิ้ว มาพร้อมกราฟิกรูปแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงภาพ 3 มิติ ภาพเคลื่อนไหว วิดเจ็ตและการออกแบบสไตล์ใหม่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ หน้าจอทั้งสามยังควบคุมโดย “กล้องควบคุม” เพียงตัวเดียว จึงมั่นใจได้ว่าการออกแบบ การตอบสนอง และการใช้งานจะมีความสอดคล้องกัน 

สำหรับแผงหน้าปัด นอกจากการออกแบบกราฟิกที่ปรับปรุงใหม่ในทุกรายละเอียดแล้ว ยังนำเสนอฟังก์ชันการปรับแต่งใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกมุมมองได้ถึง 3 แบบ ทั้ง “Dynamic” ที่มาพร้อมข้อมูลการเคลื่อนที่ของรถยนต์ “Navi” ที่แสดงแผนที่แบบเต็มหน้าจอ และ “Essential” ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการขับขี่ ระบบอินโฟเทนเมนต์ยังใช้ฟังก์ชั่นใหม่พร้อมตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ครบครันอย่างแท้จริง รวมถึงฟังก์ชันการปัดเลื่อนหน้าจอที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้ายข้อมูลที่แสดงอยู่จากหน้าจอกลางไปยังหน้าจอของผู้ขับขี่และผู้โดยสารแต่ละคน ด้วยการปัดจอหมือนกับที่ทำในสมาร์ตโฟน 

นอกจากนี้ การปรับแต่งจอแสดงผลกลางยังมีตัวเลือกในการสร้างจอเพิ่มสำหรับการจัดวางแอปพลิเคชันได้มากถึง 3 แอปพลิเคชันพร้อมกัน ช่วยให้คนขับสามารถเข้าถึงฟังก์ชันโปรดได้อย่างง่ายดาย เช่น ระบบควบคุมอุณหภูมิ ระบบนำทาง วิทยุ และอื่นๆ อีกมากมาย และยังช่วยลดการรบกวนสมาธิในขณะขับขี่ โดยสามารถสร้างปุ่มลัดเพื่อเข้าถึงแอปพลิเคชันที่ชื่นชอบแต่ละตัวได้ เช่น ระบบควบคุมอุณหภูมิ รายชื่อโทรศัพท์ วิทยุ และระบบนำทาง 

Temerario ยังเปิดตัวระบบ Lamborghini Vision Unit (LAVU) ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เปิดใช้งาน 3 บริการออนบอร์ดรูปแบบใหม่ผ่านทางกล้อง 3 ตัวและชุดควบคุมเฉพาะ ซึ่งได้แก่บริการ Lamborghini Telemetry 2.0, Memories Recorder และ Dashcam โดยสามารถเข้าถึงแอปต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านระบบอินโฟเทนเมนต์และชุดควบคุมบนพวงมาลัย รวมถึงผ่านแอป Lamborghini Unica 

ระบบ LAVU จะช่วยยกระดับประสบการณ์ “Feel like a pilot” ให้สมจริง โดยสามารถส่งข้อมูลระยะไกลที่บันทึกข้อมูลการขับขี่บนสนามแข่งเพื่อช่วยปรับปรุงการขับให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยบันทึกทุกช่วงเวลาการขับที่ดีที่สุดด้วย Memories Recorder และเพิ่มความปลอดภัยผ่านทาง Dashcam 

กล้องความละเอียดสูงทั้ง 3 ตัวถูกติดตั้งเพื่อจัดวางตำแหน่งทั้งห้องโดยสารและถนน กล้องด้านหน้าติดตั้งอยู่บนแผ่นบุหลังคาและบันทึกภาพจากถนนหรือสนามแข่ง ส่วนกล้อง “Emotion” ซึ่งอยู่บนแผ่นบุหลังคาเช่นกัน จะจับภาพห้องโดยสารเพื่อบันทึกอารมณ์ต่าง ๆ ของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ในขณะที่กล้องติดผนังด้านหลังซึ่งติดอยู่กับแผงกันไฟด้านหลังเบาะนั่ง จะบันทึกภาพของพวงมาลัย แผงหน้าปัด และกระจกบังลม 

หมวด Driving Experience จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเรียกดูประสบการณ์ทั้งหมดที่บันทึกไว้กับรถของตัวเอง ผ่านระบบ LAVU ที่เก็บบันทึกข้อมูลการเดินทางระยะไกล (Remote Trip Statistics) ซึ่งจะช่วยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับระยะทางการเดินทางและการใช้ระบบส่งกำลังไฮบริดหลังจบทริปแต่ละครั้ง 

แอป Lamborghini Unica สามารถมอบประสบการณ์แม้ในขณะที่เครื่องยนต์ยังดับอยู่ โดยผู้ใช้สมาร์ตโฟนหรือ Apple Watch สามารถตรวจสอบสถานะรถยนต์ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งการเรียกดูข้อมูล เช่น ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ระดับพลังงานแบตเตอรี่ ระยะทาง และตำแหน่งจอดรถที่แน่นอน นอกจากนี้ แอปยังสามารถใช้งานชุดคำสั่งควบคุมระยะไกล เช่น การล็อกและการปลดล็อกประตูได้อีกด้วย 

หนึ่งในฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการปกป้องกันใน Temerario คือระบบ Lamborghini Connect Vehicle Tracking System (LCVTS) ซึ่งสามารถตรวจจับการใช้รถโดยไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างแม่นยำและทำการแจ้งเตือนเจ้าของรถผ่านแอป รวมถึงศูนย์ปฏิบัติการด้านความปลอดภัย เพื่อให้เริ่มดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นในทันที โดยลัมโบร์กินีรับประกันการรักษาความลับและการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบรถยนต์ โดยใช้แนวทาง “ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยด้วยการออกแบบ” ซึ่งรักษามาตรฐานสูงสุดตลอดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์

Lamborghini Telemetry 2.0  

Lamborghini Telemetry 2.0 เป็นแอปออนบอร์ดที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานในสนามแข่งขัน โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมความมั่นใจและประสิทธิภาพของผู้ขับขี่ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้สมรรถนะของ Temerario ได้อย่างเต็มที่ ด้วยอินเตอร์เฟซแบบกราฟิกและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด จะทำให้ควบคุมรถยนต์ได้ง่ายดายและรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมระบบควบคุมพวงมาลัยให้เหมาะสมกับการโลดแล่นบนสนามแข่ง 

ในช่วงการขับขี่ในสนาม ผู้ขับยังสามารถเรียกดูเส้นทางในสนามและข้อมูลเกี่ยวกับเวลารอบของแต่ละส่วนได้บนจอแสดงผลแดชบอร์ด นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเวลาอ้างอิงเพื่อดูรายงานประสิทธิภาพได้ในทันที 

Lamborghini Telemetry 2.0 มีข้อมูลสนามแข่งที่สำคัญของโลกมากกว่า 150 สนาม (รวมถึงสนามจำลองต่าง ๆ) เมื่อเปรียบเทียบกับเวอร์ชันก่อนหน้าที่มีในรุ่น Huracán STO นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอื่น ๆ เช่น แรงดันลมยาง หรือตำแหน่งและเวลาที่ระบบไฟฟ้าเริ่มเข้ามาประสานการทำงานของเครื่องยนต์ 

ผู้ใช้ยังสามารถบันทึกวิดีโอประสบการณ์การขับขี่ของตนเองด้วยกล้องที่รวมอยู่ในระบบ LAVU โดยหลังจากจบรอบการขับ สามารถเรียกดูข้อมูลและวิดีโอได้โดยตรงบนหน้าจอแดชบอร์ดหรือแชร์บนแอป Unica นอกจากนั้นเพื่อการวิเคราะห์เชิงลึกยิ่งขึ้น แม้กระทั่งการเชื่อมต่อข้อมูลรถยนต์เข้ากับอัตราการเต้นของหัวใจของผู้ใช้งานผ่านการทำงานร่วมกับ Apple Watch 

แอป Lamborghini Unica ยังมอบฟีเจอร์การใช้งานมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับผู้ขับขี่ของ Lamborghini Squadra Corse ซึ่งจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์การขับขี่ได้ง่ายขึ้น ผ่านการแสดงภาพแผนที่เส้นทางแบบโมดูลาร์ การกำหนดวิดีโอที่บันทึกและข้อมูลที่รวบรวมระหว่างเซสชันการขับขี่ โดยสามารถแชร์รูปภาพและข้อมูลในวิดีโอส่วนตัวได้ด้วยโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่รวมอยู่ในแอป ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกช่วงเวลาที่ต้องการเลือกดูข้อมูล เทมเพลต และวิดเจ็ตใหม่ ๆ ที่แตกต่างกันได้อย่างอิสระ

Memories Recorder 

ความสนุกยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่สิ้นสุดแม้อยู่นอกช่วงเวลาการขับขี่ในสนาม โดยผู้ใช้สามารถบันทึกทุกช่วงเวลาใน Temerario ได้ด้วย Memories Recorder ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ขับขี่บันทึกการขับขี่ได้สูงสุด 2 นาทีโดยใช้กล้องระบบ LAVU และแชร์วิดีโอผ่านแอป Unica ซึ่ง Memories Recorder มีตัวเลือกการใช้งานและการปรับแต่งส่วนบุคคลมากมายที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม ให้คุณสามารถเลือกเฟรมกล้อง ข้อมูลที่แสดงบนอินเทอร์เฟซแบบกราฟิก และฟอร์แมตวิดีโอ 

Dashcam

ระบบ LAVU ยังรองรับการใช้งานแอป Dashcam ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ กล้องทั้ง 3 ตัวมีระบบเฝ้าระวังต่อเนื่องที่มีประสิทธิภาพ และในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือกรณีฉุกเฉิน กล้องจะบันทึกวิดีโอความยาวหนึ่งนาทีให้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถเรียกดูภาพได้สูงสุด 40 วินาทีก่อนช่วงเวลาการชนหรือการหลบหลีก และยังสามารถรับชมวิดีโอได้ทั้งบนระบบอินโฟเทนเมนต์และจากแอป Unica

ยางรถ 

ในฐานะพันธมิตรระยะยาวของลัมโบร์กินีและถือเป็นพันธมิตรยางแต่เพียงผู้เดียวของ Lamborghini Temerario ทำให้บริดจสโตน (Bridgestone) ผู้นำระดับโลกในด้านยางระดับพรีเมียมและนวัตกรรมการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน ได้พัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ยางใหม่ทั้งหมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของซูเปอร์คาร์ทั้งในและนอกสนามแข่ง และเปี่ยมประสิทธิภาพตลอดทั้งปี พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ขับขี่ได้ทุกวัน 

บริดจสโตนได้หันมาใช้ยางในซีรีย์ Potenza อันเป็นเอกลักษณ์สำหรับการขับขี่บนถนนและในสนาม โดยนำเสนอยาง Potenza Sport และ Potenza Race ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งสำหรับ Bridgestone Potenza Sport ที่สั่งทำพิเศษสำหรับใช้ในการพัฒนายางที่เพิ่มการควบคุมบนถนนแห้ง การควบคุมบนถนนเปียก และสมรรถนะที่ความเร็วสูง เพื่อยกระดับการขับขี่แนวสปอร์ตให้ถึงขีดสุด 

นอกเหนือจากการเป็นยางติดรถที่มีมาตรฐานสมรรถนะสูงพิเศษเหล่านี้ บริดจสโตนยังได้ออกแบบให้ Potenza Sport ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน Run-Flat ช่วยให้ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมรถได้แม้ยางรั่ว โดยขับต่อไปได้อย่างปลอดภัยเป็นระยะทางกว่า 80 กม. ที่ความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. บริดจสโตนยังได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ใน Temerario ในรูปแบบของยางรถยนต์ที่มอบการยึดเกาะที่ดีขึ้น สร้างการยึดเกาะพื้นผิวที่เหนือกว่าและความสบายในการขับขี่บนถนนแบบทุกสภาพผิว เพื่อความปลอดภัยและความอุ่นใจในทุกสภาวะ 

นอกจากนี้ บริดจสโตนยังได้ออกแบบยางสำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ เพื่อปลดปล่อยสมรรถนะอันน่าทึ่งของซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ โดยยาง Bridgestone Potenza Race สามารถให้การยึดเกาะที่ดีเยี่ยม การควบคุมรถที่ดีขึ้น และประสิทธิภาพที่ยาวนานสำหรับผู้ชื่นชอบการขับขี่ในสนาม ซึ่งประสิทธิภาพการยึดเกาะระดับสูงนี้เกิดจากการใช้ส่วนผสมเฉพาะที่พัฒนาขึ้นสำหรับยางสนามแข่ง หลังจากนั้นจึงนำไปใช้กับการขับขี่ทั่วไปบนท้องถนน 

บริดจสโตนยังเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองทุกข้อจำกัดและความต้องการของผู้ขับขี่ โดยได้ออกแบบยางสำหรับฤดูหนาว รุ่น Blizzak LM005 ซึ่งช่วยให้ซูเปอร์คาร์สามารถมอบประสิทธิภาพระดับสูงสุด แม้อยู่ในช่วงฤดูหนาวที่ท้าทาย 

ยางที่ออกแบบมาโดยเฉพาะแต่ละเส้นล้วนได้รับการพัฒนาและผลิตในยุโรป โดยมีจำหน่ายใน 8 ขนาด หน้ายางและขนาดเส้นรอบวง 20 นิ้ว และ 21 นิ้ว โดยหลังจากรุ่น Huracán STO, Tecnica, Sterrato, Huracán EVO และ V12 HPEV Revuelto โดย Temerario เป็นซูเปอร์สปอร์ตคาร์ลัมโบร์กินีรุ่นล่าสุดที่ติดตั้งยางบริดจสโตนเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน

Previous Post

N2208006_เด_กหญ_งต_วน_อยท__ครอบครองระบบส_ดแกร_ง____626839393306428_part2

Next Post

N2208001_ล_กก_บเม_ยถ_กทำร_ายต_อหน_า ใครกล_าแตะต_องเธอ เขาจะชดใช_แน__1262751322138198_part2

Next Post
N2208001_ล_กก_บเม_ยถ_กทำร_ายต_อหน_า ใครกล_าแตะต_องเธอ เขาจะชดใช_แน__1262751322138198_part2

N2208001_ล_กก_บเม_ยถ_กทำร_ายต_อหน_า ใครกล_าแตะต_องเธอ เขาจะชดใช_แน__1262751322138198_part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2408003_ขายเน อข างถนนกล บกลายเป นเชฟม ออาช พท เกษ ยณแล แต เขากล บถ กด หม_part2
  • N2408005_เบ องหล งสามสาวเศรษฐ สวยและเก อค ณพ อท ขย นข นแข งก บงานเก บขยะ_part2
  • N2408002_สาวน อยโดนร งแกในร านอาหาร สองแม กมองด แต แม งไม ดจะย นม อเข าช วยเหล_part2
  • N2408001_หล งจากได นอนก บเด กชายแล เด กสาวก งครรภ กแห งสวรรค นท_part2
  • N2408009_เด กชายใช พล งเวทย มนตร ของเขาในการปกป องแม ของเขาจากคนช วร าย_part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • August 2025
  • July 2025
  • June 2025
  • May 2025
  • April 2025
  • March 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.