Tesla เพิ่มรายชื่อแบรนด์ที่รองรับ NACS พร้อมเร่งเปิดใช้งานเครือข่าย Supercharger เพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้
ปี 2022 ทาง Tesla ได้ประกาศเปิดเครือข่ายการชาร์จเพื่อตอบรับโครงการเงินสนับสนุนการชาร์จรถ EV ของ Joe Biden แม้ตอนแรกจะมีข้อโต้แย้งว่าแบรนด์ส่วนใหญ่อาจยังยึดติดกับมาตรฐาน CCS และ SAE
ต่อมาปี 2023 Ford ได้สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการประกาศเปลี่ยนมาใช้มาตรฐาน NACS ของ Tesla ทำให้ผู้ผลิตแบรนด์อื่น ๆ ตัดสินใจตามมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแบรนด์ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ Supercharger ได้แก่ Ford, Rivian, GM, Volvo, Polestar และ Nissan

การอัปเดตหน้า “เร็วๆ นี้” ล่าสุด
Tesla เพิ่งทำการอัพเดตรายชื่อแบรนด์ในหน้า “เร็ว ๆ นี้” โดยเพิ่ม Hyundai, Kia, Genesis, BMW, Jaguar/Land Rover (JLR) และ Lucid แสดงให้เห็นถึงการขยายเครือข่ายครั้งใหญ่ในปีนี้

- Mercedes-Benz ถูกเพิ่มในรายชื่อเมื่อเดือนมิถุนายน 2023 จะเริ่มใช้งานได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 พร้อมอะแดปเตอร์ราคา 185 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6,200 บาท)
- Hyundai และ Kia โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นเพราะรถใหม่รุ่นปี 2025 ของแบรนด์ทั้ง 2 จะมาพร้อมพอร์ต NACS แบบติดตั้งในตัว โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์ โดยเจ้าของ Hyundai รุ่นเก่าสามารถขอรับอะแดปเตอร์ NACS ได้ฟรี
แบรนด์ที่ยังไม่มีชื่อในรายชื่อ “เร็วๆ นี้”
แม้ว่า Volkswagen จะประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะสามารถเข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้ในเดือนมิถุนายน 2024 แต่กลับยังไม่มีชื่อในหน้า “เร็ว ๆ นี้” ของ Tesla อาจเป็นเพราะระยะเวลาระหว่างประกาศรวมถึงการเปิดใช้งานจริงของแต่ละแบรนด์ก็ยังแตกต่างกันอย่างมาก

แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
Tesla กำลังผลักดันมาตรฐาน NACS อย่างรวดเร็ว โดยผู้ผลิตรายใหม่จะทยอยเข้าถึงเครือข่าย Supercharger เพิ่มขึ้นในปี 2025 แต่สำหรับ Kia ถึงแม้จะมีรายชื่อแต่ก็อาจจะมีความล่าช้าเล็กน้อยในการเข้าใช้งานจริง

Mercedes-Benz (เมร์เซเดส-เบนซ์) ย้ำความนิยมในแบรนด์รถสปอร์ทสมรรถนะสูง Mercedes-AMG (เมร์เซเดส-เอเอมจี) ที่สามารถทำยอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมาแม้มีสถานการณ์ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์โดยรวม ด้วยการส่ง “Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC (เมร์เซเดส-เอเอมจี จีแอลเอ 35 4 เมทิค)” ยนตรกรรมคอมแพคท์เอสยูวีสายพันธุ์แรงที่มาพร้อมความอเนกประสงค์ และดีไซจ์นสปอร์ทตามปรัชญาของ Mercedes-AMG ในทุกรายละเอียดลุยตลาด เปิดราคาที่ 3.19 ล้านบาท
โรลันด์ โฟลเกร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้วยยอดขายของแบรนด์รถสปอร์ทสมรรถนะสูงอย่าง Mercedes-AMG ที่เติบโตขึ้นถึง 14.9 % ในปี 2563 และเฉพาะไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาเพียงไตรมาสเดียว Mercedes-AMG ก็สามารถทำยอดขายเติบโตสูงถึง 33.9 % ประกอบกับความตั้งใจของ Mercedes-Benz ที่ต้องการสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในปีนี้ หลังจากที่ได้เปิดตัว “Mercedes-Benz The New E-Class (เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ ใหม่)” ไปแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา วันนี้ Mercedes-Benz จึงพร้อมแนะนำ “Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC” รถยนต์คอมแพคท์เอสยูวีเจเนอเรชันที่ 2 จาก Mercedes-Benz ที่นอกจากจะมาพร้อมคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขึ้น และระบบความปลอดภัยที่มากขึ้นแล้ว รถยนต์คันนี้ยังเป็นรถยนต์คอมแพคท์เอสยูวีเวอร์ชันใหม่สายพันธุ์แรงตามแบบฉบับของ Mercedes-AMG ที่โดดเด่นตั้งแต่กำลังของเครื่องยนต์ ความอเนกประสงค์ รวมไปถึงดีไซจ์นภายนอก และภายในแบบสปอร์ทตามปรัชญาของ Mercedes-AMG ที่พร้อมตอบทุกโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบันอย่างแน่นอน
Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC ยนตรกรรมคอมแพคท์เอสยูวีสายพันธุ์แรงที่มาพร้อมความอเนกประสงค์ และดีไซจ์นสปอร์ทตามปรัชญาของ Mercedes-AMG ในทุกรายละเอียด โดยมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 1,991 ซีซี พร้อมเทอร์โบ และอินเตอร์คูเลอร์ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 306 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. หรือ 400 นิวตัน-เมตรที่ 3,000-4,000 รตน. จึงมอบอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.1 วินาที
ดีไซจ์นภายนอกโดดเด่นด้วยการออกแบบในสไตล์ของ Mercedes-AMG ตลอดทั้งคัน เริ่มตั้งแต่กระจังหน้าแบบ AMG Specific Radiator Grille โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าใหม่แบบ LED High-Performance แบบ Full LED พร้อมไฟแบบ Day Time Running Light และเฉียบคมด้วยล้ออัลลอยดีไซจ์นใหม่จาก AMG แบบ 5-Twin Spoke ขนาด 19 นิ้ว เสริมความโดดเด่นขณะขับเคลื่อน และช่วยให้คุณดื่มด่ำกับความเร้าใจถึงขีดสุด
ภายในห้องโดยสารตกแต่งในแบบ AMG Interior ที่มอบความเร้าใจอันไร้ที่ติ แม่นยำทุกการควบคุมด้วยพวงมาลัยดีไซจ์นสปอร์ทแบบ 3 ก้านท้ายตัด ตกแต่งด้วยหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control เบาะนั่ง AMG Sport Seat แบบสปอร์ทที่ถ่ายทอดความรู้สึกของนักแข่งได้อย่างโดดเด่น พร้อมเพิ่มความกระชับในทุกรูปแบบการขับขี่ด้วยหนังชนิด Artico สลับกับ Dinamica Micro-Fibre ตัดเย็บด้วยด้ายสีแดง และเข็มขัดนิรภัยสีแดงตลอดทั้งคัน โดยมีไฟล้อมรอบห้องโดยสารแบบ Ambient Light ที่สามารถเลือกปรับได้มากถึง 64 เฉดสีเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ช่วยปรับอารมณ์ของรถได้ตามความรู้สึกของผู้ขับขี่
Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC วางจำหน่ายในราคา 3,190,000 บาท




