หลังเปิดเว็บไซต์มา
ผมพบว่า ชีวิตตัวเอง ดีขึ้น เห็นผลได้จริง ใน 1 สัปดาห์
หน้าใส มากขึ้น
เปล่า! ไม่ต้องพึ่งพาครีม OLAY Total Effect หรือ POND’s Age Refining หรือครีมบ้าบออะไรไม่รู้
ชื่อเรียกยากชะมัด สารพัดดารดาษบนชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ต
แต่ ด้วยการตอบรับ ที่ถือว่า ใช้ได้เลยทีเดียว ทั้งในแง่ของผู้เข้าชม หรือติดต่อเข้ามาเพื่อลงโฆษณา
หรือแม้แต่ เปิดกว้างรอให้เรา ทำเรื่องเข้าไปตกลงในขั้นสุดท้าย
มันเป็นกำลังใจ อันชื่นฉ่ำ เย็นซ่าชุ่มคอ เหมือนอมฮอลล์ กลางน้ำตก แบบในหนังโฆษณา
สำหรับคนตัวเล็กๆ (เอ่อ…อันที่จริงก็ไม่เล็กนักหรอก) อย่างพวกเรา ทุกคนในทีม The Coup
และที่แทบไม่น่าเชื่อเลย นั่นคือ
ความสัมพันธ์ กับ บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง โตโยต้า….ที่ ดีขึ้นตามไปด้วย

อดีตวันผ่าน ผมรับรู้แต่เพียงว่า บางส่วนของคนในโตโยต้า ก็เคยอ่านงานรีวิวของผมมาบ้าง
ในปี 2006 ครั้งที่เขียนถึง Yaris ใหม่ ผมก็ใช้พื้นที่ใน pantip.com ห้องรัชดา ร่ายมหากาพย์ เป็นบ้าเป็นหลัง
จน มีคนพิมพ์ออกทาง Printer ได้มากถึง 200 หน้ากระดาษ A4 !!! อู้ววว
บางครั้ง ก็ขบกัด Altis ใหม่ ว่า ดีขึ้นทั้งคัน ยกเว้นพวงมาลัยที่เบาโหวงจนน่ากลัว
หรือแม้แต่ เขียนสรุปถึง Camry กับ Fortuner อย่างตรงไปตรงมาที่สุด
แต่ไม่นึกว่า ทันทีที่กลุ่ม Lexus Group ของ โตโยต้า เปิดตัว RX350 เจเนอเรชันใหม่ล่าสุดออกมา
ผมจะกลายเป็น คนกลุ่มแรกๆในเมืองไทย ที่ได้มีโอกาส ขลุกอยู่กับรถรุ่นนี้ เต็มๆที่ 4 วัน 3 คืน เหมือนเคย
และเพราะได้รับแจ้งมาว่า รถคันนี้ ยังจะต้องถูกนำไปขึ้นจัดแสดง ในพื้นที่บูธของ เล็กซัส
ณ งาน Bangkok International Motor Show ตั้งแต่ 26 มีนาคมนี้ ณ ไบเทค บางนาอีกด้วย
(รอบ VIP 24 มีนาคม รอบสื่อมวลชน 25 มีนาคม)
ก็เลยแอบเกร็งอยู่เหมือนกัน หวง และถนอมรถกันสุดๆ
สัปดาห์ก่อนเว็บเปิด เทียนาใหม่ที่ได้รับมา ก็เป็นรถ Pre-Production แสนหวง มาสัปดาห์นี้ ก็เป็นคิวของ RX350
ตา Commander CHENG! เลยบ่นดังๆ ถึงผมโดยตรง กลางกระทู้ในเว็บบอร์ดของ Healightmag.com เราเองว่า
“รถประคบประหงมผ่านเข้ามาเยอะเหลือเกินช่วงนี้ ขอรถที่มันลองๆนั่งลองๆขับได้หน่อยเถอะพ่อคุณเอ้ย
มาแต่ละคันนี่เห็นหน้าก็รู้เลย คันนี้..แมลงวันห้ามขี้ใส่ จุลินทรีย์ห้ามฉี่แตกบนเบาะ โอ้โฮแค่เอามือจับเปิดประตูก็เครียดแล้ว”
ท่านผู้เกิน เอ้ย ผู้การ CHENG เอ้ยยยย เอามาในสภาพใหม่กิ๊ก เอี่ยมแกะกล่อง น่าประคบประหงมแบบนี้หนะดีแล้ว
ขนาด LS460 L สิ เลขไมล์ปาเข้าไป 5 หมื่นกว่ากิโลเมตรนั่นหนะ เราก็ยังต้องดูแลประคบประหงมกันอย่างดิบดีเลย
นับประสาอะไรกับ รถรุ่นนี้ ซึ่ง ณ วันที่รีวิวขึ้นโพสต์อยู่นี้ มีเพียง ไม่ถึง 5 คันในเมืองไทย และทุกคัน ต้องถูกขนไปจัดแสดง
ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ กันยกล็อตเลยนะท่าน
ก็คงจะต้องทะนุถนอมกันยิ่งกว่าปกติสักหน่อยละ คนอื่นๆ ที่เขาจะได้สัมผัส ต่อจากเรา
เขาจะได้ยังพบคุณสมบัติต่างๆของตัวรถ เต็มที่ในแบบที่มันเป็น

การที่ โตโยต้า ใจดี ให้ยืม RX350 ใหม่ มาก่อนใครหลายๆคนนั้น
เท่าที่ทราบมา มีด้วยกัน 2 เหตุผล
ข้อแรก พี่กิจ มหาจุนทการ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ ของโตโยต้า บอกกับผมว่า
สถิติ ที่น่าสนใจล่าสุด เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคก็คือ
ตอนนี้ กลุ่มลูกค้าที่จะซื้อรถกระบะ แม้จะยังคงตัดสินใจ เลือกซื้อหารถ
จากการเดินเล่น ในงานแสดงสินค้าต่างๆ ตามต่างจังหวัด ยังมีอยู่เยอะ
แต่ ในกลุ่มลูกค้ารถยนต์นั่งส่วนบุคคล พฤติกรรมของพวกเขา เริ่มเปลี่ยนไป
จากเดิม ที่จะค้นหาข้อมูลรถยนต์ที่ตนมองหา ในอินเตอร์เน็ต เพียง 17 เปอร์เซนต์ ในปีก่อนๆ
มาปีที่แล้ว ตัวเลข มันพุ่งพรวดขึ้นมาเป็น ระดับ 37 เปอร์เซนต์!
เอาแล้วไง! แสดงว่า ตอนนี้ ผู้บริโภค เริ่มมองหาข้อมูลในเชิงลึก จากโลกไซเบอร์ มากยิ่งขึ้น

ข้อดีของ อินเตอร์เน็ต ในมุมมองของผม คงไม่ต่างจากหลายๆท่าน
คือมันเป็นพื้นที่เปิดกว้าง เต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย จากผู้คนหลากหลาย
รวมทั้งลูกค้าผู้ที่เคยซื้อรถรุ่นเดียวกับที่ตนกำลังสนใจไปก่อนหน้า ได้มีโอกาสพบปะ
พูดคุย และแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน การปิดกั้นข้อมูล มีน้อยมาก หรือแทบไม่อาจจะเป็นไปได้
แต่ แน่นอน ข้อเสีย ก็คือ มันอาจจะกลายเป็นพื้นที่ ซึ่งเปิดช่องให้ มีการโจมตี ใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งกันและกันได้
ทั้งจากบริษัทรถยนต์ ที่คิดไม่ซื่อ (ซึ่ง เคยมีคนคิดจะทำอะไรแบบนั้นอยู่จริง และผมถึงกับเบรกพวกเขาไปแล้ว)
และจากลูกค้า หัวเสีย ที่คาดหวังมาก จนเกิดปฏิกิริยา ต่อต้าน และตอบโต้อย่างรุนแรง (อันนี้ผมก็โดนบ่อยจนเบื่อ)
และยิ่งเมื่อ เล็กซัส จะเริ่มหันมาเจาะตลาด โดยใช้อินเตอร์เน็ต เป็นสื่อในการโฆษณา และเชื่อมต่อความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยตรงมากขึ้น
ถึงขนาดเปิดเว็บไซต์ www.lexussociety.com ของตนเองขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อให้เป็นชุมชนออนไลน์ ของผู้ใช้เล็กซัส
โดยเรายังไม่นับรวมกับ การเปิดเว็บไซต์ e-Toyotaclub.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ รองรับกลุ่มลูกค้าของโตโยต้า
ที่เปิดมานาน 2 ปีแล้วเห็นจะได้ ไปจนถึงเว็บ www.yarisme.com อันเป็นเว็บไซต์ สำหรับ ลูกค้ากลุ่ม ของรถรุ่น ยาริส
ก็ยิ่งเป็นหนึ่งในตัวอย่าง ที่ยืนยันให้เห็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ อย่างชัดเจนว่า
ต่อไปนี้บริษัทรถยนต์”แทบทุกค่าย” จะใช้เงินโฆษณา กับสื่อแบบเดิมๆ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และ สื่อสิ่งพิมพ์ ลดน้อยลง
โดยจะยังคงรักษาสัมพันธ์กับสื่อแบบเดิมไว้ แต่จะหันมาใช้เงินกับ เว็บไซต์ทางอินเตอร์เน็ตมากขึ้น
เพราะ ราคาถูก แต่ยิงตรงถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดีกว่า และทั่วถึงกว่า
และ แน่นอน พวกเขาคาดหวังจะเห็น รีวิว ของ RX350 ใหม่ อยู่ในอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว ตามหลังรถเปิดตัวได้ไม่นานนัก

ข้อสอง ทางโตโยต้าเอง ก็ยินดี ที่ วันนี้ เราเปิดเว็บไซต์เป็นของตัวเองกันซะที
และต่อจากนี้ กำแพงใดๆที่เคยกั้นขวาง ก็จะหายไป สิ่งใดที่เคยดีกันมา ก็จะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไป
แต่…คุณผู้อ่านที่อาจจะคิดว่า เงินจะซื้อเราได้หรือเปล่า? ไม่ต้องกลัวครับ
กฎเหล็ก ก็ย่อมต้องเป็นกฎเหล็ก รถดีตรงไหน ด้อยตรงไหน ก็ต้องเขียนอย่างตรงไปตรงมา
ไม่กั๊ก ไม่ขยัก แต่ เขียนอย่างเข้าใจ ไมได้ฆ่าใคร แต่เพื่อให้เป็นประโยชน์ ทั้งกับผู้บริโภค และตัวบริษัทรถเองนั่นละ
ถ้ายังไม่เชื่อ ก็ยังไม่ต้องเชื่อครับ ผมไม่ว่าอะไรคุณทั้งสิ้น
แต่…ขอให้งานชิ้นต่อๆไปของเรา รวมทั้งงานชิ้นนี้ เป็นตัวพิสูจน์ให้คุณเห็นด้วยตัวของมันเองเถอะครับ

แม้จะรู้อยู่เต็มอก ว่า ใจจริง โตโยต้า ก็ไม่ค่อยอยากให้มีชื่อ ของตนปรากฎอยู่ในบทความรีวิวของเล็กซัส แต่ละรุ่นนักหรอก
เพราะในมุมมองของเขา มันจะเป็นการ เชื่อมพ่วงโยงความสัมพันธ์ กับภาพลักษณ์ของแบรนด์โตโยต้า
ซึ่งเป็นแบรนด์สำหรับทุกๆคนมากเกินไป
แต่…ผมมี 2 เหตุผลที่ยังคงจะต้องเขียนถึงชื่อของโตโยต้า ในรีวิวของเล็กซัส ทุกๆรุ่น ทั้งที่ผ่านมา และต่อจากนี้ไป
1. มันยากเกินจะหลีกเลี่ยง ถ้าเราจะต้องเขียนถึงแบรนด์เล็กซัส เพียงอย่างเดียว
โดย ไม่มีชื่อบริษัทแม่ อย่างโตโยต้า เข้ามาเอี่ยวในบทความนั้นเลย เพราะอย่างที่คุณทราบดีว่า โตโยต้า เป็นเจ้าของและผู้ให้กำเนิดแบรนด์นี้
แนวคิดเริ่มต้น ในปี 1983 และถือกำเนิดเปิดตัวสู่สาธารณชนในปี 1989 ถูกสานต่อ จนขยายตัวกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
ที่ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวช่วงแรกๆ หักปากกาเซียน ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาไปโดยปริยาย
2. ผมเชื่อว่า ผู้บริโภค ในทุกวันนี้ รับรู้กันอยู่แล้ว ว่า เล็กซัส คือ แบรนด์ระดับหรูของโตโยต้า ซึ่งที่ผ่านมา โตโยต้า
ก็พยายามจะสร้างความแตกต่างของมัน ให้เกิดขึ้นในใจของผู้บริโภคอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งในเรื่องการวิจัยและพัฒนา
ที่เห็นด้ชัดว่า เล็กซัส แต่ละรุ่น เมื่อคลอดออกมา ทั้งคุณภาพการผลิต การเลือกใช้วัสดุ การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อย
คุณจะสัมผัสได้เลยว่า มันเป็นรถที่ให้ความรู้สึกว่า “ตั้งใจทำ” มากกว่าโตโยต้ารุ่นทั่วๆไป
ดังนั้น ผมคิดว่า เราควรปล่อยให้ภาระหน้าที่นั้น เป็นของทุกๆคนในทีมเล็กซัส ตั้งแต่ทีมวิศวกร ฝ่ายการตลาด
ไปจนถึงเอเจนซี โฆษณา ได้แสดงฝีมือของพวกเขา แล้วเราคอยนั่งชมกันตรงนี้ น่าจะดีกว่า

แล้ว RX ละ ต้นกำเนิดมันมาจากไหน อย่างไรกัน?
ย้อนกลับไปยัง ข้อ 1 แนวคิดในการพัฒนาแบรนด์ เล็กซัส ให้มีศักยภาพ ต่อยอดได้หลากหลายช่องทาง
หลังการเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จนั้น มีความจำเป็น ต่อการอยู่รอดระยะยาว
ในเมื่อ ตลาด SUV ในสหรัฐอเมริกา ช่วงทศวรรษ 1990 กำลังขยายตัว
แต่ลูกค้าไม่ได้ต้องการ SUV แบบ ลุยเต็มที่ เช่นก่อนหน้านั้น หากแต่อยากได้ SUV บนพื้นฐานของรถเก๋ง
เพื่อการขับขี่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก และต้องดูหรู ภูมิฐาน บ่งบอกเอกลักษณ์ของผู้เป็นเจ้าของ
ดังนั้น การพัฒนารถยนต์ SUV เพื่อทำตลาดผ่านแบรนด์เล็กซัส จึงกลายเป็นเรื่องจำเป็นขึ้นมา
และนั่นทำให้ โตโยต้า ตัดสินใจสร้าง SUV รุ่นนี้ขึ้น เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว
บนพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมต่างๆ ที่ดัดแปลงขึ้นจากพื้นฐานของ ซีดานครอบครัวรุ่น แคมรี
แต่ในเมื่อ ขณะนั้น โตโยต้า ยังไม่คิดจะเอาแบรนด์ เล็กซัสกลับไปเปิดตลาดในแดนปลาดิบ บ้านตนเอง
ดังนั้น จึงต้องคิดชื่อรุ่นไว้สำหรับลูกค้าชาวญี่ปุ่นด้วย และชื่อที่พวกเขาเลือกก็คือ Harrier นั่นเอง
แฮร์ริเออร์ เผยโฉมครั้งแรกในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์เมื่อตุลาคม 1997 และเริ่มส่งถึงมือลูกค้าเมื่อเดือนธันวาคมปีเดียวกัน
พร้อมกับส่งออกไปสร้างความฮือฮา ในตลาดอเมริกาเหนือ ด้วยชื่อ เล็กซัส RX-300 ขณะที่ชาวยุโรป ต้องคอยกันจนถึง
ปี 2002 จึงจะมีโอกาสสัมผัส ผิดกับเศรษฐีเมืองไทยที่ได้เป็นเจ้าของเอสยูวีรุ่นนี้อย่างฉับไว หลังการเปิดตัวไม่เท่าไหร่
ผ่านทางผู้นำเข้ารายย่อย…หลายๆราย จนจำไม่หวาดไม่ไหว แต่ที่แน่ๆ หนึ่งในนั้นก็คือ S.E.C Group ที่ต้องปิดฉากลงไป
ช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ด้วยเหตุแพ้ภัยตัวเอง จากการฉ้อโกง โดยเจ้าของบริษัทตนเองจนครึกโครมไปทั่ว
ชนิดขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หัวสี นั่นละ
(เดาเล่นๆ แบบไม่คิดอะไรมากว่า คนของเล็กซัส กรุ๊ปคงโล่งใจ หมดเสี้ยนหนามไปแล้วหนึ่ง..แถมตัวใหญ่เป้งเสียด้วย)
RX และ แฮร์ริเออร์ ขายดีมากในบ้านเรา จนวันหนึ่ง โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า พวกเขาควรสัี่ง เอสยูวีรุ่นนี้
เข้ามาทำตลาดเองได้แล้วเสียที จึงตัดสินใจสั่งนำเข้าสเป็กส่งออกของแฮร์ริเออร์ ที่ใช้ฃื่อว่า เล็กซัส RX มาเปิดตัวในเมืองไทย
อย่างเป็นทางการครั้งแรก พร้อมกับรุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ของซีดานหรูระดับผู้บริหาร LS430 รุ่นเดิม เมื่อช่วงปลายปี 2004
หลังจากนั้น จึงค่อยๆทำตลาดมาเรื่อยๆ ด้วยค่าตัว 3.4 ล้านบาทเศษๆ เท่ากับราคาของ ซีดานรุ่นขับล้อหน้า ES300
จากพื้นฐานของแคมรีเหมือนกัน ก่อนจะปิดท้ายด้วยการนำ RX400h Hybrid SUV คันแรกของโลก ที่ทำตลาดจริง
เข้ามาขายด้วยราคาสูงถึง 6.2 ล้านบาท เมื่องาน บางกอก มอเตอร์โชว์ มีนาคม ปี 2007

ตลอดอายุตลาดที่ผ่านมา ทั้งรุ่นแรก และรุ่นที่ 2 ซึ่งเปิดตัวเมื่อ เดือนมกราคม 2003 ในงานดีทรอยต์ออโตโชว์
RX กลายเป็น Premium SUV ที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีลูกค้าซื้อไปขับในระดับ 1 แสนคัน ต่อ ปี ถือว่าสูงไม่ใช่เล่นเลย
และเมื่อรวมยอดจำหน่าย ของทั้ง 2 เจเนอเรชัน แล้ว เชื่อหรือไม่ว่า ตัวเลขยอดขายสะสม มันมากถึงเกินกว่า 1 ล้านคันเข้าไปแล้ว
โว้ววววว แม่เจ้าาาา!
แต่แล้ว ด้วยความสำเร็จของเล็กซัสในตลาดโลก กอปรกับ อยากจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ โตโยต้า ระดับหรูหลายๆรุ่น
ให้กลายมาเป็นเล็กซัส เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการทำตลาด รวมทั้งลดปัญหาต่างๆอีกมากมาย โตโยต้าจึงยอมทุ่มทุนเสี่ยง
นำ แบรนด์เล็กซัส มาเปิดตลาดบ้านตนเอง ตั้งแต่ 26 กรกฎาคม 2005 หรือเมื่อ ราว 3-4 ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ชื่อของ Harrier จะยังคงปรากฎให้เห็นในการทำตลาดรถรุ่นเดิม เฉพาะในญี่ปุ่น ต่อไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ เท่านั้น
เพราะ รถรุ่นเดิม จะถูกปลดจากสายการผลิต ในเวลานั้น เป็นอันปิดตำนาน 12 ปี ที่โตโยต้า ใช้ชื่อนี้ในตลาดรถของญี่ปุ่น ตามความจำเป็น
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ ถ้าคุณยังจำ Toyota Harrier ไม่ได้อีกละก็ ควรจะรีบไปหาน้องโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ แล้วขอ แบรนด์ จากน้องเค้ามาสักหีบ กรอกดื่มเข้าไปได้เลย
เพราะ RX ก็ คือ Harrier นั่นเองละครับ เพียง แต่ที่เห็นอยู่นี้ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด เจเนอเรชัน 3 ซึ่งเพิ่งเปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรก ในงาน L.A.Auto Show
เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี่เอง
จากนั้น เริ่มทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 19 มกราคม 2009 ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ
และประเทศไทย คือประเทศที่ 3 ในโลก ที่จะได้สัมผัสรถรุ่นนี้ก่อนชนชาติอื่นๆ เปิดตัวตามหลังญี่ปุ่น ไม่เกิน 1 เดือน คือเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โอ้ว คนไทยได้รับเกียรติเช่นนี้ อีกแล้วหรือนี่ ควรจะดีใจกันไหมหนอ

TAKAYUKI KATSUDA ผู้ซึ่งเคยผ่านการทำงาน ในโครงการพัฒนา ซีดานขนาดกลาง Toyota Avensis และ คอมแพกต์ มินิแวน Toyota Corolla VERSO
สำหรับตลาดยุโรปทั้ง 2 รุ่น มารับหน้าที่เป็น CHIEF ENGINEER หรือหัวหน้าวิศวกรสำหรับโครงการพัฒนา RX ใหม่ อันเป็นความรับผิดชอบของศูนย์พัฒนา เล็กซัส โดยตรง
คัทซึดะซัง กล่าวว่า “แรงบันดาลใจในการพัฒนา RX ใหม่ คือ Yet Philosophy อันเป็นการ รวมสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นไปได้ มารวมไว้ด้วยกัน”
เขาหมายถึงการนำแนวทางการออกแบบ L-Finesse (มาจาก ความก้าวหน้าล้ำสมัย หรือ Leading-edge ผนวกกับ ความคล่องตัว Finesse)
มาผสานกับสารพัดความไม่น่าเป็นไปได้ มารวมไว้ด้วยกัน ทั้งด้านการพัฒนารถเพื่อสิ่งแวดล้อม การปรับปรุงด้านสมรรถนะ และความสะดวกสบายในการขับขี่
และแน่นอน มันต้องหรู พอจะสู้กับคู่แข่งจากค่ายยุโรปได้ด้วย จน ทีมการตลาดของ เล็กซัส ในสหรัฐอเมริกากล้าใช้สโลแกน ที่ว่า
…Introducing the ReInvention of the vehicle that invented it all…
ก็ แน่ละ เขาบอกว่า เขาเป็นผู้ผลิตรายแรกที่ พัฒนา SUV ระดับหรูออกมา และกลายเป็นแม่แบบให้ชาวบ้านชาวช่องแข่งขันกันสร้างรถประเภทนี้ออกมากันนั่น เอง
เอางั้นเลยนะ? จะต้องเขียนให้มันวกไปวนมาเล่นคำไปเยอะแยะฟุ่มเฟือยทำไมละเนี่ย?
พูดก็พูดเถอะ ดีไซน์ของ RX ใหม่ แม้จะยังคงยึดแนวเส้นสายจาก Harrier /RX300 รุ่นแรก ต่อเนื่องมาจากถึงทุกวันนี้
ทว่า พอเปลี่ยนมาเป็นเจเนอเรชันใหม่ รถกลับดูมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น ทั้งที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ที่ฝ่ายการตลาดวางเอาไว้คือ
ชาย หรือหญิงก็ตาม ทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูง ผู้มีอาชีพเฉพาะทาง หรือเจ้าของกิจการ อายุ 35ปี ขึ้นไป มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่กระตือรือล้น
ชอบกิจกรรม Outdoor แสวงหาการผจญภัย และใช้เวลาทั้งหมดที่ว่ามานั่นละ อยู่กับครอบครัว
แถมยังขนาดตัวถัง ใหญ่โตขึ้น ระดับ โรงรถบ้านบึ้ม!
มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะในรถรุ่นที่แล้ว ผมไม่เห็นจะพบความยากลำบาก ในการถอยหลังเข้าจอดในโรงรถเล็กๆที่บ้านผมเลย
แต่ ใน RX350 ใหม่ ผมต้องกะเก็ง เล็งแล้วเล็งอีก ถอยเข้าถอยออกอยู่ 4 รอบ! ยากลำบากกว่ารุ่นที่แล้วเอาเรื่อง
พอมาดูขนาดตัวถัง ก็พอจะรู้แล้วละว่าทำไม
ตัวรถมีความยาว 4,770 มิลลิเมตร กว้าง 1,885 มิลลิเมตร สูง 1,690 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,740 มิลลิเมตร
เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ที่มีความยาว 4,735 มิลลิเมตร กว้าง 1,845 มิลลิเมตร สูง 1,690 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,715 มิลลิเมตร แล้ว
ขนาดตัวรถ ไม่ได้ใหญ่โตเพิ่มขึ้นเท่าใดนัก ยกเว้นความกว้าง ที่ไม่รู้จะกว้างเอาใจคนอเมริกันไปอีกแค่ไหน
แต่จะไปว่ากระทบอย่างนี้ก็ไม่ได้อีก เพราะ ตลาดใหญ่ที่สุดของ RX350 คือ เขตอเมริกาเหนือ
ไม่ต้องอื่นไกล แค่ความกว้างตัวถัง ก็ กว้างเกินกว่า พี่ใหญ่ LS 460 L ที่ผมเคยนำมาทดลองขับซะแล้ว!!
ขอย้ำ LS มีความกว้างตัวถัง 1,875 มิลลิเมตร แต่ RX ใหม่ กว้างกว่าอีก 10 มิลลิเมตร เป็น 1,885 มิลลิเมตร!
และนั่นทำให้ ตำแหน่งทางการตลาดของ RX ใหม่ถูกยกระดับขึ้นจากเดิมเล็กน้อย

คู่แข่งที่ของ RX รุ่นเดิมนั้นอย่างที่ทราบกันดีว่า มีทั้ง Mercedes-Benz M-Class, Nissan Murano, Mazda CX-7, BMW X3, Acura MDX,
แต่ มาวันนี้ ด้วยขนาดตัวถังที่กว้างขึ้น และ ราคาขายปลีกต่อคันที่แพงขึ้น ในทุกประเทศที่เริ่มทำตลาด ทำให้ สถานภาพของ RX
เริ่มถูกขยับขยาย ยกระดับขึ้นไปทารัศมีกับ BMW X5, Volkswagen Touareg ไม่เว้นแม้แต่ รุ่นล่างสุดของ Porsche Cayenne รวมทั้งคู่แข่งหน้าใหม่ Audi Q5
อย่าง ไรก็ตาม มีผู้คนจำนวนมากรู้สึกแปลกๆกับเส้นสายของ RX ใหม่ และ คำตอบที่ผมว่า ผมอาจจะพบเจอเข้า น่าจะเป็นเพราะ
ขนาดของซุ้มล้อคู่หน้า เมื่อมองจากรูปแล้ว ถ้าทำให้มันโค้งมันกว่านี้ ได้อีก น่าจะช่วยแก้ความรู้สึกของลูกค้าไปได้อีกนิดหน่อย

ด้วยราคาที่แพงขึ้น ทำให้ โตโยต้า ต้องเอาใจใส่กับ เล็กซัส RX ใหม่ มากขึ้นในทุกจุด อีกทั้งยังเสริมความประณีต ด้วยการเลือกใช้หนังแท้ คุณภาพดี
เป็นหนังชนิดเดียวกันกับที่พบได้ใน เบาะนั่งของ Lexus LS460 คันละ 11 ล้านบาทเศษ การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ในการตรวจวัด
ค่า ระยะห่างระหว่างชิ้นส่วนตัวถัง (Tolerance) ที่โรงงานในญี่ปุ่น เป็นพิเศษ การออกแบบที่ลู่ลมและเน้นหลักอากาศพลศาสตร์ ไม่เว้นแม้การเก็บซ่อนใบปัดน้ำฝนหลัง
เอาไว้ใต้ชุดสปอยเลอร์ด้านหลัง รวมทั้งการตรวจสอบคุณภาพอย่างดี ทั้งจากช่างฝีมือระดับสูง อย่างกลุ่ม Takumi…..
เอ่อ…ชื่อนี้ ได้ยินทีไร ผมจะนึกถึง 2 อย่างควบตามมาทันที
1. หนุ่มน้อย จอมเอ๋อ ผู้ที่ช่วยพ่อส่งเต้าหู้ขึ้น-ลงภูเขา Akina ด้วย Toyota Sprinter Trueno AE86 (Hachi-Roku)…จากการ์ตูน Initial-D
2. ซอสปรุงอาหาร ขวดสีม่วงๆ หน้าตาเหมือน พ่อครัวญี่ปุ่นจอมติงต๊อง

การเปิดประตูเข้าออกจากรถ ยังคงใช้ การ์ด รีโมทคอนโทรล Keyless entry
และติดเครื่องยนต์ด้วยสวิชต์กดปุ่ม สหกรณ์ แบบเดียวกับ เล็กซัส และโตโยต้ารุ่นอื่นๆ
ทันทีที่ขึ้นเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร ออกจะอึ้งไปเล็กน้อยว่า เฮ้ย ความเป็นโตโยต้า ที่เราคุ้นเคย มันหายไปไหนหมด!
อารมณ์ยังไม่คุ้นชินกับ แนวทางการออกแบบของรถรุ่นใหม่ว่างั้นเถอะ
การก้าวขึ้นไปนั่งรถ ยังคงเหมือนกับรถรุ่นที่แล้ว คือ สามารถหันก้นไปวางแหมะบนเบาะ แล้วสะบัดขาเข้าไปได้
แต่ต้องเขยิบบั้นท้ายอีกนิด อีกครั้ง ให้พอดีกับตำแหน่งเบาะที่แผงประตูด้านข้าง มีช่องเก็บของคล้ายกับ BMW คือ ดึงให้เอียงออกมาหรือพับเก็บกลับไปอยู่ที่เดิมก็ได้