
Date: 10/02/2022Author: Marketeer Team
ตลาดรถหรู โอกาสและความท้าทายที่น่าจับตามอง (บทวิเคราะห์)
COVID-19 ส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์หรูน้อยกว่ารถยนต์ทั่วไป
การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2020 ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายรถยนต์ทั่วโลกหดตัวลงอย่างรุนแรง แต่จากข้อมูลพบว่ายอดขายรถยนต์หรูในทุกภูมิภาคกลับได้รับผลกระทบที่น้อยกว่าโดยเปรียบเทียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งพบว่ายอดขายรถยนต์หรูยังคงสามารถเติบโตสวนทางกับยอดขายรถยนต์ประเภทอื่น ๆ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตของยอดขายรถหรูในตลาดหลักอย่างจีน สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจจีน
ที่สามารถพลิกฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็วจากวิกฤต COVID-19
ตลาดรถหรู ในไทยได้รับปัจจัยหนุนจากกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ที่เพิ่มขึ้น
สถานการณ์ของตลาดรถยนต์หรูในไทยนั้นได้รับผลกระทบน้อยกว่าเช่นเดียวกัน โดยยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ป้ายแดงของประเภทรถหรูในปี 2020 หดตัวเพียง -6.4%YOY เทียบกับยอดจดทะเบียนรถยนต์ประเภทอื่น ๆ ที่หดตัวสูงถึง -24.1%YOY
ส่วนหนึ่งเนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของเซกเมนต์รถหรู คือผู้บริโภคที่มีรายได้และกำลังซื้อสูงที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อยกว่า สอดคล้องกับข้อมูลปริมาณเงินฝากในระบบในปี 2020 ที่เพิ่มขึ้น 9.9%YOY ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากบัญชีที่มีเงินฝากมากกว่า 10 ล้านบาทเป็นหลัก (56.7%) สะท้อนถึงศักยภาพและกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายรถยนต์หรูในไทยที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเรายังคงเห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินฝากในลักษณะดังกล่าวต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ในปี 2021 ปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์เริ่มส่งผลต่อตลาดรถยนต์หรูชัดเจนขึ้น สถานการณ์ในปี 2021 กลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม โดย EIC พบว่าตลาดรถยนต์หรูได้รับผลกระทบที่รุนแรงกว่ารถยนต์ทั่วไป
สาเหตุหลักมาจากปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกที่ยังคงยืดเยื้อและทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์หรูที่จำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงจำนวนมากกว่าโดยเปรียบเทียบ ทำให้ผู้ผลิตไม่สามารถส่งมอบรถยนต์หรูได้ตามแผนที่วางไว้แม้ว่าจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องก็ตาม สะท้อนได้จากยอดจดทะเบียนใหม่ป้ายแดงประเภทรถยนต์หรูของไทยในปี 2021 ที่หดตัว -9.5%YOY ขณะที่ยอดจดทะเบียนใหม่ป้ายแดงประเภทรถยนต์ทั่วไปหดตัว -4.4%YOY
ตลาดรถยนต์หรูของไทยมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวเป็นบวกในปี 2022
สำหรับแนวโน้มในปี 2022 นั้น EIC คาดว่ายอดจดทะเบียนใหม่ป้ายแดงของรถยนต์หรูจะกลับมาขยายตัวได้ที่ 14%YOY ตามการทยอยฟื้นตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการใช้จ่ายของครัวเรือนในทุกระดับ รวมถึงปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่มีแนวโน้มดีขึ้นในปีนี้จากการคาดการณ์ของผู้ประกอบการและสำนักวิจัย IHS Markit
การแข่งขันในตลาดรถยนต์หรูมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
ภาพรวมการแข่งขันในตลาดรถยนต์หรูยังเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งพบว่ากลุ่มผู้เล่นที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของค่ายรถยนต์ (Official dealer) จะมีข้อได้เปรียบมากกว่ากลุ่มผู้นำเข้าอิสระ (Grey market) ทั้งความสามารถในการแข่งขันด้านราคาที่ดีขึ้นจากการที่รถยนต์หรูบางแบรนด์ได้เข้ามาจัดตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในไทย รวมถึงปรับปรุงการให้บริการหลังการขายเพื่อตอบโจทย์การให้บริการผู้บริโภคมากขึ้นกว่าในอดีต ด้วยการขยายระยะเวลาของโปรแกรมการบำรุงรักษาให้ยาวนานขึ้นกว่าเดิม
การตอบโจทย์เทรนด์ตลาดที่เปลี่ยนไปคือความท้าทายในระยะยาวที่ต้องเตรียมรับมือสำหรับประเด็นความท้าทายและความเสี่ยงของตลาดรถยนต์ทั่วไปและตลาดรถยนต์หรูที่ต้องจับตาในระยะสั้น ได้แก่ ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตของรถยนต์หรูบางรุ่นที่จำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์
รวมถึงประเด็นความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ Omicron ที่อาจกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและภาพรวมการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมไปถึงประเด็นความท้าทายในระยะยาวที่ต้องเตรียมรับมือ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตอบโจทย์แนวโน้มตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ในเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำให้ค่ายรถยนต์หรูต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น หรือแม้แต่เทรนด์ sharing economy ที่อาจช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจ Car sharing ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต
COVID-19 ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์หรูอย่างไร?
การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและทำให้ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในปี 2020 หดตัวค่อนข้างรุนแรง แต่ EIC กลับพบว่าตลาดรถยนต์หรูได้รับผลกระทบน้อยกว่า โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ยังมีการเติบโตสวนทางกับภาพรวมของทั้งตลาด
ทั้งนี้จากการเปิดเผยข้อมูลของ Market Reports World ซึ่งเป็นสำนักวิจัยที่รวบรวมข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงแนวโน้มตลาดที่น่าสนใจและมีศักยภาพการเติบโตไปกับเทรนด์แห่งโลกอนาคต ระบุว่าในปี 2020 ซึ่งเกิดวิกฤตการณ์
การแพร่ระบาดของ COVID-19 นั้น ยอดขายยานยนต์ทั่วโลกหดตัวลงถึงกว่า -15.2%YOY ตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
แต่ยอดขายรถยนต์หรูทั่วโลกกลับได้รับผลกระทบน้อยกว่า โดยหดตัวเพียง -8.5%YOY และมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 4.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาในตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น พบว่ายอดขายรถยนต์หรูยังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องที่ 6%YOY สวนทางกับยอดขายรถยนต์ประเภทอื่น ๆ ที่หดตัว -10.2%YOY ตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา (รูปที่ 1)
รูปที่ 1 : ในปี 2020 ยอดขายรถยนต์หรูในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงขยายตัวได้ สวนทางกับยอดขายรถยนต์ประเภทอื่น ๆ ที่หดตัวลงจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ซบเซา
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Euromonitor และ CEIC
ยอดขายรถยนต์หรูในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว มาจากการเติบโตของยอดขายในจีนซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 84% ของยอดขายรถยนต์หรูทั้งหมดในภูมิภาค
ทั้งนี้จากข้อมูลในปี 2020 พบว่ายอดขายรถยนต์หรูในจีนมีอัตราการขยายตัว 8.7%YOY โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนที่รวดเร็วกว่าประเทศอื่นโดยเปรียบเทียบ (รูปที่ 2)
สำหรับแบรนด์รถยนต์หรูที่ได้รับความนิยมสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น คือ Mercedes-Benz และ BMW ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 38.3% และ 27.1% ตามลำดับ โดยเมื่อพิจารณาข้อมูลงบการเงินประจำปี 2020 ของทั้งสองค่ายรถยนต์ดังกล่าวจะพบว่า ทั้ง Mercedes-Benz และ BMW พึ่งพายอดขายจากเอเชียมากที่สุดเช่นเดียวกัน (รูปที่ 3)
รูปที่ 2 : ยอดขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เติบโตขึ้นได้รับปัจจัยหนุนหลักจากการเติบโตของยอดขายในจีนเป็นหลัก สอดคล้องกับการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Euromonitor และ IMF
รูปที่ 3: ยอดขายรถยนต์หรูในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด คือแบรนด์ Mercedes-Benz และ BMW โดยทั้งสองแบรนด์ดังกล่าวพึ่งพายอดขายจากภูมิภาคเอเชียมากที่สุดเช่นกัน
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Euromonitor, Daimler Annual Report 2020 และ BMW Group Report 2020
ในส่วนของสถานการณ์ของตลาดรถยนต์หรูในไทยนั้น จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าในปี 2020 ตลาดรถยนต์หรูก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 น้อยกว่ารถยนต์ประเภทอื่น ๆ เช่นเดียวกันกับสถานการณ์ในตลาดโลก
สะท้อนได้จากยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ป้ายแดงประเภทรถยนต์หรูในปี 2020 ซึ่งมีอัตราการหดตัวที่น้อยกว่ารถยนต์ประเภทอื่น ๆ โดยเปรียบเทียบ โดยหดตัวเพียง -6.4%YOY
ในขณะที่ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ป้ายแดงของรถยนต์ประเภทอื่น ๆ หดตัวสูงถึง -24.1% YOY (รูปที่ 4) สำหรับปี 2020 นั้น ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ป้ายแดงในกลุ่มรถยนต์หรูมีจำนวนทั้งสิ้น 29,210 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 5.4% ของยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ป้ายแดงประเภทรถยนต์นั่งทั้งหมดในไทยในปี 2020
อนึ่ง ยอดจดทะเบียนใหม่ป้ายแดงของกลุ่มรถหรูที่หดตัวน้อยกว่าดังกล่าว สะท้อนถึงความต้องการและกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของรถยนต์หรูที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อยกว่า เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีรายได้และกำลังซื้อสูง
ในขณะที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของรถยนต์รุ่นปกติทั่วไปที่ขายในท้องตลาดนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับปานกลางลงมาซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้และกำลังซื้อต่ำกว่า รวมทั้งยังได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 มากกว่าโดยเปรียบเทียบ
โดยพบว่าแบรนด์รถยนต์หรูที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทยคือ Mercedes-Benz ซึ่งในปี 2020 มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 42.7% รองลงมาได้แก่ BMW และ Volvo ซึ่งทั้ง 3 แบรนด์นี้ครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันมากถึงเกือบ 90% ของยอดจดทะเบียนรถยนต์หรูทั้งหมดในไทย (รูปที่ 5