• Movie 187
  • Movie 66
  • Sample Page
  • รีวิวหนังดี 294 – P1
  • รีวิวหนังดี 294 – P2
  • รีวิวหนังดี 294 – P3
reviewfilm.dailync91news.live
No Result
View All Result
No Result
View All Result
reviewfilm.dailync91news.live
No Result
View All Result

N2107005 เร องฉาวล บในตระก ลด เม อภรรยาแท กไล เพราะไร ทายาท part1

admin79 by admin79
July 22, 2025
in Uncategorized
0
N2107005 เร องฉาวล บในตระก ลด เม อภรรยาแท กไล เพราะไร ทายาท part1

ระบบ RAS – Rear Axle Steering ซึ่งมันก็คือระบบเลี้ยว 4 ล้อที่เอามาใช้ครั้งแรกใน 911GT3 นั่นล่ะครับ โดยในความเร็วต่ำ ล้อหลังจะบิดสวนทางกับล้อหน้าเวลาเลี้ยว ทำให้ได้วงเลี้ยวที่แคบลง และเมื่อความเร็วสูงขึ้น ล้อหลังอาจตั้งตรงหรือหันไปในทิศเดียวกับล้อหน้า แต่อย่าเพิ่งนึกภาพล้อบิดเบี้ยวแบบเห็นชัดนะครับ เพราะล้อหลังกระดิกไปมา ถ้าจำไม่ผิดก็แค่ 3-6 องศาจากแนวเส้นตรงเท่านั้น ทำงานโดยชุดคันชักที่ต่อกับมอเตอร์ Electro-hydraulic จะเลื่อนคอม้าไปมา

โดยช่วงความเร็วที่ระบบใช้ในการคำนวณว่าจะให้ล้อหลังหักตาม/หรือสวนทางกับล้อหน้านั้นอาจแปรผันได้ แต่โดยส่วนมากจะอยู่ที่ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ฝ่ายเทคนิคที่ Sepang บอกมาแบบนั้น)

ท้ายสุด กับระบบ PDCC – Porsche Dynamic Chassis Control  จะมีเหล็กกันโคลงด้านหน้า/หลัง ซึ่งคุมการบิดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ามาให้ด้วย ซึ่งระบบเหล็กกันโคลงแปรผันนี้ ในยามขับขี่ปกติแบบสันติสุข จะคลายตัวเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน แต่ถ้าเริ่มขับแบบซัดจัดหนักเมื่อไหร่ ก็จะปรับความตึงขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนเปลี่ยนไปใส่เหล็กกันโคลงขนาดโตขึ้น และสามารถแปรผันแรงต้านของเหล็กกันโคลงได้ตามความรุนแรงในการเลี้ยวของรถ

DRIVETIME!

เพื่อให้ไม่สับสน ผมจะขอแบ่ง Session การขับออกเป็น 3 ส่วน

  • ขับทางเรียบ ในสนาม Sepang (กับรุ่น S)
  • ขับทางออฟโรด
  • ขับบนถนนจริงที่เมืองไทย (กับรุ่น E-Hybrid)

Cayenne S กับทางเรียบบน Sepang

Porsche จัด Cayenne S มาให้ลองถึง 3 คัน ตอนแรกนึกว่ารถทุกคันจะมีสเป็คเหมือนกันหมด จนกระทั่งผมขับไปหมดจนเหนื่อยแล้วนั่นแหละ คุณฝ่ายเทคนิคถึงมาเฉลยว่าจริงๆแล้วรถทั้ง 3 คันนั้นมีออพชั่นที่ไม่เหมือนกัน! ถึงว่าอาการรถบางคันมันแปลกๆ

เรามาพูดเรื่องพละกำลังและการแสดงออกของเครื่องยนต์และเกียร์กันก่อน เพราะจุดนี้แหละคือสิ่งที่รถทั้ง 3 คันเหมือนกัน เครื่องยนต์ 2.9 ลิตร Bi-turbo 440 แรงม้า..ถามว่าพอมั้ย ผมบอกให้เลยว่าถ้าใครขับแล้วบอกว่าไม่พอ แปลว่าคุณน่าจะพาแมวที่บ้านไปตัดขนด้วย Ferrari FF พาปู่ย่าไปหาหมอด้วย BMW M5 แน่ๆ ถึงชินกับรถแรงได้ขนาดนี้ Cayenne S นั่งสองคน (หนึ่งในนั้นเป็นผม) ในอากาศกลางวันยังสามารถเร่งไปแตะ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายใน 6 วินาทีด้วย Normal Mode ธรรมดา และช่วงทางตรงหน้าพิทของ Sepang สามารถกดไปได้ 198 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในที่ที่ผมเคยขับ Panamera 4S ได้ 202

ถึงตัวจะโต พื้นที่ต้านลมจะเยอะ แต่อัตราเร่ง 100 ไปจนเกือบ 200 นั้นไหลลื่นอย่างมีพลัง การเลี้ยงคันเร่งในโค้งก็ทำได้ง่ายถ้าใช้โหมด Sport เพราะถ้าเป็น Sport Plus ดูเหมือนทุกอย่างจะดูก้าวร้าวไปเสียหมด เหมือนมันอยากจะฆ่าใครตลอดเวลา ในขณะที่โหมด O (Normal) ก็จะพยายามขึ้นเกียร์สูงเร็วไปนิด เสียงเครื่องยนต์ V6 Bi-turbo หวานหู และรู้สึกได้ว่าคนทำเครื่อง พยายามจูนให้มันคล้ายกับเสียงเครื่อง 6 สูบนอนเทอร์โบของ 991 ให้มากที่สุด และเอาเข้าจริง ผมว่ามันน่าฟังกว่าเครื่อง V6 เกือบทั้งหมดที่ผมลองขับมา ไม่เว้นแม้แต่ Mercedes-AMG C43

ระบบเบรกก็เป็นอีกจุดที่รถทั้ง 3 คันเหมือนกัน เป็นเบรกสเป็ค Cayenne S ซึ่งมีประสิทธิภาพปานกลางของบรรดารุ่นย่อยทั้งหมด สามารถกำราบม้า 440 ตัวที่กำลังห้ออยู่เกือบ 200 ให้ลงมาเหลือ 60-70 ได้โดยง่ายถ้าคุณมองว่านั้นคือช้างยักษ์หนักสองตัน แต่แน่นอนว่าอาการเฟดของเบรกจะมาให้เห็นง่ายกว่า Panamera ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่า แต่ถ้าเทียบกับ SUV อย่าง XC90, X5 (โฉมเก่า), Audi Q7 3.0TFSI เบรกของ Cayenne S นั้นฆ่าม้าตายเร็วกว่า ทนการบู๊ได้นานกว่าอย่างชัดเจน และมีน้ำหนักแป้นเบรกที่หนักพอประมาณ ระยะเบรกสั้น แบบที่ขาซิ่งส่วนใหญ่ชื่นชอบ เวลาจะหยุดรถ ก็หยุดให้นุ่มๆได้ง่ายไม่หน้าทิ่มหัวตำ

ทีนี้ ไปว่าต่อกันถึงส่วนที่ต่างกันในรถ 3 คันครับ

รถคันแรก เป็นรถมาตรฐาน ใส่ช่วงล่าง Air Suspension เฉยๆ ผมชอบอากัปกริยาของรถคันนี้ซึ่งให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ช่วงล่างในโหมด Comfort นั้น หากเข้าโค้งแรงมากๆแล้วหันพวงมาลัยสวนทาง น้ำหนักและความสูงของตัวรถจะแสดงออกมาชัด ต้องปรับไปโหมด Sport แล้วจะรู้สึกว่าเทซ้ายเทขวาได้คล่องขึ้น นิ่ง มั่นใจได้ ราวกับเอา Panamera มายกสูง

อาการของรถเมื่อใช้ความเร็วเกินจุดที่ยางรับไหว คือหน้าดื้อ แต่ถ้าสะสมแรงเหวี่ยงมายาวๆแบบโค้งตัว C แล้วตบคันเร่งส่งตอนใกล้ออกจากโค้ง จะมีความรู้สึกท้ายดันส่ง มากกว่าหน้าดึง (ระบบขับสี่ของ Audi จะให้ความรู้สึกว่าล้อหน้ามีแรงดึงมากกว่า) คาแรคเตอร์ค่อนข้างดุกว่าเพื่อน แต่ปลอดภัย พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาที่ความเร็วต่ำ แต่แน่นขึ้นที่ความเร็วสูง สำหรับรถหนักตัวโตที่สามารถเต้นแทงโก้ได้ขนาดนี้ ผมไม่รู้จะติเรื่องอะไรแล้วสำหรับการขับขี่

ต่อมา รถคันที่สอง ช่วงล่างเป็นแบบถุงลมเหมือนคันแรก แต่เพิ่มระบบ PDCC-Porsche Dynamic Chassis Control ที่เป็นเหล็กกันโคลงไฟฟ้าเข้าไป ระบบนี้ วิศวกรเขาเคลมว่าสามารถช่วงออกแรงยันการยุบของตัวถัง ทำให้สามารถเข้าโค้งด้วยแรงระดับ 0.8G ได้โดยที่ตัวรถเป็นระนาบเดียวกับพื้น

พอลองของจริง ผมว่ามันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่เวลาเข้าโค้งแรงๆ จะรู้สึกได้ว่าตัวรถยวบน้อยกว่ารถคันแรก ให้ความรู้สึกคล้ายกับการได้โช้คอัพที่แข็งขึ้น เพียงแต่ว่าคุณอาจไม่รู้สึกถึงการทำงานของระบบจนกว่าจะเข้าโค้งแรงจริงๆ ถ้าสลาลอมหรือมุดเล่นขำขำแบบนี้จะแยกความต่างจากรถธรรมดาไม่ค่อยออก และผมไม่แน่ใจว่าระบบนี้จะช่วยให้วิ่งทำเวลารอบสนามได้ดีขึ้นหรือไม่ เพราะก่อนที่ช่วงล่างจะถึงลิมิต ยางจะทะลุขีดจำกัดก่อน และขีดจำกัดที่ว่านั้น Cayenne ที่ไม่มี PDCC ก็ไปถึงได้

ดูเหมือนว่าเป็นออพชั่นที่ทำมาสำหรับคนที่เล่นโค้งจ๋าๆจัดๆ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าใครที่ขับ Cayenne จนถึงพึ่งพา PDCC จริง คุณก็ไม่น่าจะอยู่บนถนนแล้วล่ะครับ แต่ถ้าอยากได้การทำงานของระบบที่ช่วยให้เหมือนปรับโช้คได้แข็งขึ้นอีก 1 ระดับจากช่วงล่างถุงลมปกติ แบบนั้นจะติ๊กเลือก PDCC ไปก็ได้

คันที่สาม ..มีช่วงล่าง Air suspension ไม่มี PDCC แต่มีระบบ RAS (เลี้ยวล้อหลัง) ติดตั้งมาให้ เวลาขับออกจากพิทหรือเปลี่ยนเลนที่ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รู้สึกว่าพวงมาลัยไวกว่าเดิม ซึ่งจากเดิมนี่ก็ไวมากแล้วสำหรับ SUV ตัวขนาดนี้ แต่พอเริ่มลงแทร็คไปได้สักพัก ผมก็เริ่มขับไปขมวดคิ้วไปเพราะอาการของรถเวลาเข้าโค้ง อยู่กลางโค้ง หรือตอนออกก็ตามแต่ สปีดที่เราใช้มีผลกับการทำงานของระบบเลี้ยวล้อหลัง

ในหลายครั้ง เวลาผมเข้าโค้งมาไวแล้วรู้สึกว่าหักพวงมาลัยเท่านี้พอ พอเข้าไปจริงๆกลับต้องหักพวงมาลัยเติม ตอนอยู่กลางโค้ง กดคันเร่งเติมเข้าไป กะว่าจะเช็ดไลน์นอกตอนออกโค้ง จู่ๆกลับเอาล้อไปวิ่งทับขอบทาง รู้สึกเหมือนรถทำตัวเป็นคนที่มาพยายามจีบเรา แต่ทำอะไรก็เดาใจผิดขัดหูขัดตาไปเสียหมด ก็ไม่แปลกที่เขาจะเอารถคันนี้ไว้ลำดับท้าย เพราะสื่อมวลชนท่านอื่นที่ได้ขับก็บ่นในลักษณะเดียวกับผม ว่าพวงมาลัยมันคาดเดายาก

แล้วระบบ RAS จะมีประโยชน์ตอนไหน? ก็คงเป็นเรื่องการสลาลอม เพราะ Porsche ก็ลองนำ Cayenne Turbo สองคัน ทั้งที่เป็นล้อหลังแบบธรรมดาและคันที่มี RAS มาให้วิ่งสลาลอมเล่นๆ ผมพบว่า RAS ทำให้หมุนพวงมาลัยเป็นองศาไม่มาก ก็สามารถเลี่ยงกรวยทุกตัวได้อย่างสบาย และเมื่อทดลองกลับรถในสนามแข่ง ก็พบว่ารัศมีวงเลี้ยวแคบลง (แต่ไม่ถึงเมตรนะครับ)

ก็อาจเป็นออพชั่นที่มีประโยชน์สำหรับบางท่านที่อาศัยอยู่ในเมือง แต่ถ้าบอกว่ามันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวที่ความเร็วสูงๆ..อันนี้ผมบอกเลยว่าขับจริงแล้วไม่รู้สึก ส่วนตัวผม ถ้าต้องซื้อ Cayenne ใช้ ผมรู้สึกไม่จำเป็นต้องติ๊กเลือก RAS และดีแล้วที่ Porsche Thailand เลือกออพชั่นอื่นแทน

มีโอกาสได้ลอง Cayenne Turbo ในช่วงอัตราเร่งแบบสั้นๆ พบว่า..ยังไงเครื่องโตก็ได้เปรียบ ตอนที่ขับ Cayenne S ก็คิดว่าเร็วพอแล้ว พอมาเจอพลัง V8 550 แรงม้า บอกได้เลยว่าแค่เหยียบไปถึง 100 ก็รู้แล้วว่าพี่เบิ้ม V8 ไปเร็วกว่ามาก เร็วจนผมแอบคิดว่ามันอาจจะไล่เล่นกับพวก 911 Carrera 370 แรงม้าได้สบาย เบรก PSCB ก็กระทืบจาก 100 เหลือ 0 ได้ในระยะที่มากกว่า 911 Turbo S ที่ผมเคยลองกระทืบเบรกจุดเดียวกันแค่ไม่เกิน 2 เมตร

Off-road course

สำหรับการขับออฟโรด ก็มีให้ลองแบบพอหอมปากหอมคอ คือไต่เนินชัน ซึ่งระบบ PTM จะพยายามปรับการส่งแรงขับเคลื่อนให้เอง แค่ตบๆคันเร่งเลี้ยงรอบให้อยู่แถว 2,000 รอบต่อนาที กบยักษ์ก็จะไต่ขึ้นเนินมาได้เอง แต่สังเกตว่ารุ่น Cayenne S กลับขับขึ้นเนินได้ง่ายเพราะเจ้า Turbo นั้นพลังเกรี้ยวกราด บางทีเผลอตบคันเร่งเยอะไปแม้แต่นิดเดียวล้อก็ฟรีอยู่บนเนินลูกรังแล้วในขณะที่ S จะมีพลังแบบกำลังพอดี กดแล้วรถไม่ไต่ขึ้นก็กดเพิ่มไปได้โดยไม่ต้องเกร็งมาก

ต่อมา พอถึงขาลงเนิน ก็ได้ลองฟังก์ชั่น PHC-Porsche Hill Control ซึ่งก็คือระบบควบคุมความเร็วขณะลงเนินนั่นล่ะครับ มันจะทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง วิธีใช้คือต้องตบปุ่มปลายก้าน Cruise จากนั้นกดปุ่มที่ซ่อนอยู่ด้านล่างของก้าน ให้หน้าจอเลือกว่าจะเอา CC/PHC/LIM ก็ให้เลือก PHC ไป เมื่อระบบพร้อมทำงาน รูปรถไหลลงจะเปลี่ยนจากสีเทาเป็นขาว ทั้งหมดนี้ต้องทำตอนใส่เกียร์ D

จากนั้นขับลงเนินช้าๆ พอรูปรถลงเนินเปลี่ยนเป็นสีแดงแปลว่ามันทำงาน ตัวเลขที่ขึ้นตรงรูปรถไหลคือความเร็ว ตบก้านห่างตัว>เพิ่มสปีด ตบเข้าหาตัง>ลดสปีด ฟังดูยุ่งแต่ใช้ไม่ยาก

แม้ในเวทีนี้จะมีแต่ลุยทราย ลูกรัง กับหิน ไม่มีบ่อน้ำ แต่ผมค้นข้อมูลที่คนไทยน่าจะอยากรู้ได้ เรื่องความสามารถในการลุยน้ำ

Porsche เคลมตัวเลขสำหรับรุ่นที่ใช้ช่วงล่าง Air suspension เอาไว้ที่ 525 มิลลิเมตรโดยต้องกดปุ่มยกตัวถังขึ้น แต่สำหรับรุ่นปกติที่ปรับช่วงล่างไม่ได้จะอยู่ที่ 500 มิลลิเมตร แต่ถ้าเป็น E-Hybrid จะลดเหลือ 250-280 มิลลิเมตรเท่านั้น เพราะใต้ท้องรถจะมี Component ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า ตัวเลขนี้ผมเอามาจากโบรชัวร์ของ Porsche Germany เวอร์ชั่น PDF และคิดว่ารถสเป็คส่งไทยก็ไม่น่าจะมีการปรับสเป็คใดๆ

นี่คือกล้องรอบคัน 360 องศา ซึ่งรถสเป็คไทยจะไม่มีให้ (มีแต่กล้องถอยหลัง) ถ้าใครอยากสั่งเพิ่มก็แนะนำว่าน่าเอา เพราะได้ใช้บ่อยโดยเฉพาะเมื่อต้องเข้าซอยเล็กๆ ตัวกล้องสามารถทำงานร่วมกับเซนเซอร์ ซึ่งเมื่อเราขับรถเข้าเขตที่แคบ กล้องก็จะเปิดและโชว์ภาพบนจอกลางโดยอัตโนมัติ สามารถเลือกมุมมองได้ 5 แบบหน้า/หลัง มุมกว้าง/แคบ และโชว์ภาพจากมุม Birdeye view ไปพร้อมๆกันเลยก็ได้

Cayenne E-Hybrid กับถนนเมืองไทย

ซื้อ Cayenne ยังไงให้ออกตัวแรงเท่ารุ่น Turbo แต่จ่ายเงินแค่ราว 40% ของรุ่น Turbo?

คำตอบก็คือ “ซื้อรุ่น E-Hybrid” เพราะสาบานได้ว่าเมื่อคุณกด Sport Mode แล้วกระแทกคันเร่งจม คุณจะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมรถคันนี้ถึงไม่มี Launch control..ก็เพราะมันไม่จำเป็น! แรงดึงมหาศาลมาให้ใช้ตั้งแต่ออกตัว ถ้า Volvo XC90T8 นี่ว่าแรงจุกอกแล้ว Cayenne E-Hybrid เกือบจะส่งหัวนมไปโผล่ที่แผ่นหลังเลยทีเดียว ออกตัวแรงจนรุ่น V8 Turbo ค้อนเอา แต่หลังจาก 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไป แปดสูบก็ยัง “show who is the boss” อยู่วันยังค่ำ

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในช่วงที่อากาศร้อน ยังมี 5.8 วินาทีโผล่มาให้เห็น และช่วงเร่งแซง 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ใช้เวลาแค่ 3.9 วินาที และจะลดลงเหลือ 3.6 วินาทีถ้าใช้โหมด Sport Plus และในขณะที่รถไฮบริดส่วนมากมักล็อคความเร็วไว้ 200 ต้นๆหรือไม่ก็ปลายแผ่วอยู่แถวๆ 230 Cayenne E-Hybrid จะไหลแรงต่อไปจนถึง 263 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอาจไปได้มากกว่านี้ แต่ผมมีที่ให้กดได้แค่นั้น ตัวเลขทั้งหมดที่กล่าวไป ใกล้เคียงกับรถเก๋ง High-performance ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น BMW M2, AMG C43 หรือ WRX STi แค่นี้พอไหม?!

ถ้าใครสงสัยว่ามันไวกว่า Cayenne S หรือเปล่า? ผมอาจตอบแบบฟันธงไม่ได้เพราะไม่ได้จับเวลาตัว S อย่างละเอียด แต่บอกได้ว่าถ้าเป็นช่วง 100-180 ไหลดีพอกัน แต่ช่วงออกตัว ถ้า S ไม่เล่น Launch mode ช่วย รุ่น E-Hybrid ดีดออกแรงกว่าเยอะ สุ้มเสียงจากเครื่องยนต์คล้ายกัน แต่ไม่ห้าวหาญเท่าเครื่องยนต์ Bi-turbo ในรุ่น S อาจเพราะมีเทอร์โบแค่ลูกเดียว

สำหรับช่วงล่างนั้น มีความแตกต่างจากรุ่น S อยู่บ้าง รถทดสอบสเป็คไทยใช้ล้อ 19 นิ้วกับยาง Michelin Latitude ซึ่งแก้มหนา และไม่ค่อยเกาะเท่าไหร่ เวลาใส่ช่วงล่างไว้ที่ระดับ Comfort มันจะนุ่มสบายระดับหนึ่งสำหรับขับในเมือง ซับแรงกระแทกแบบเยอรมันยุคใหม่ คือตัวคนนั่งไม่โยนหรือดีด แต่มีเสียงและความรู้สึกตึงบ้าง แต่พอเริ่มใช้ความเร็วสูงสัก 100-120 แล้วถนนไม่เรียบ มีสะพานโดดบ้าง คนนั่งหลังจะเริ่มรู้สึกเวียนหัวเพราะมีความย้วยและการดีดตัวกลับแบบแปลกๆเข้ามา

ไม่รู้บังเอิญหรือเปล่า เพราะ Audi Q7 3.0TFSI ที่ใช้ช่วงล่างถุงลม ก็ออกอาการคล้ายกันมาก อย่างไรก็ตามเมื่อกดปุ่มเลือกช่วงล่าง Sport ทุกอย่างจะลงตัว นุ่มกำลังเหมาะ บู๊ได้มากกว่า SUV รุ่นอื่น รู้สึกคล่องคล้ายขับ SUV ขนาดกลางมากกว่าช้างสปอร์ตหนัก 2 ตัน นี่คือโหมดที่ผมชอบที่สุด ส่วนคุณ J!MMY ลองแล้วบอกว่าโหมด Sport Plus จะแน่นหนึบ เข้าโค้งมันส์ แม่น และดึงความสามารถของรถออกมาได้มากกว่า ส่วนพวงมาลัย ถ้าตั้งไว้โหมดปกติ (Normal) จะเบาไปนิดที่ช่วงถือตรง ซึ่งเมื่อบวกกับความไวของพวงมาลัย เวลาขับเร็วๆก็จะเกร็งมือนิดๆ แต่โหมด Sport ก็ช่วยดึงน้ำหนักกลับมา ให้อยู่ในช่วงที่ผมรู้สึกพอใจ

สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจอยากทราบคือการตอบสนองของแป้นเบรก ซึ่งใน Cayenne S E-Hybrid รุ่นเก่า ผมเจอกับแป้นเบรกที่เฮงซวยที่สุดในชีวิตที่เคยพานพบมา บางทีเหยียบแล้วก็หน้าทิ่ม บางทีเหยียบเท่าเดิม แต่กลับไหลต่อ บางครั้งแย่หนักเหยียบไปเหมือนอยู่แต่จู่ๆรถไหลต่อเอง นี่คือการขับแบบไม่เจอรถติดเลยนะครับ ผมถึงกับบอกทีม Porsche ว่าผมขอไม่เขียนรีวิวคันนี้นะ

แต่ใน Cayenne E-Hybrid ใหม่ อาการดังกล่าวถูกลดลงไปเยอะมาก เหลืออาการไหลเบาๆให้ต้องกดเบรกลึกเพิ่มลงไปอีกนิด กับยังมีความรู้สึกฟองน้ำๆหลอนๆซึ่งมีในรถไฮบริดทุกคัน ผมสามารถขับมันในเมืองที่รถติดได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

อัตราสิ้นเปลือง ทดลองยากมาก แต่พบว่าถ้าเข้าโหมดสปอร์ต บังคับให้เครื่องติดตลอดแล้ววิ่ง 110-120 นิ่งๆหน้าจอโชว์ 12 กิโลลิตร แต่พอใช้โหมด e Charge จะกินแรงเครื่องมาก บวกกับรถติดจะลงไปได้ถึง 7.5 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งก็เป็นไปตามประเภทของรถและเครื่องยนต์แหละครับ

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณชาร์จไฟมาเต็มหม้อ และเปิดให้เป็นโหมด Hybrid Auto มันจะประหยัดตามประสาปลั๊กอิน มี 20-30 กิโลลิตร และระยะพิสัยการวิ่งจริง เมื่อใช้พลังไฟฟ้าอย่างเดียว ผมประมาณคร่าวๆจากการลองขับจริง มีรถติดบ้าง วิ่งทางด่วนบ้าง ก็สามารถไปได้ประมาณ 36 กิโลเมตร จากนั้นผมลองแกล้งรถโดยลองวิ่งไป 120 กิโลเมตร แล้วใส่โหมด Hybrid Auto 50% และ Sport 30% และ e Charge อีก 20% ก็จะได้เฉลี่ยออกมา 14 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งไม่ต้องบอกคุณก็คงจะทราบดีว่ายิ่งวิ่งเป็นระยะทางยาวๆโดยไม่มีการเสียบชาร์จไฟเพิ่ม ความได้เปรียบของรถ Plug-in Hybrid ก็จะน้อยลง

มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังมากพอดู ใช้มอเตอร์อย่างเดียวเพียวๆยังแซง 80-120 ได้ใน 12 วินาทีและตอนวิ่ง 140 เครื่องยนต์ก็ยังไม่ติด

ส่วนเรื่องการเก็บเสียงนั้น เสียงที่เข้ามาเยอะที่สุดน่าจะเป็นเสียงยางจากซุ้มล้อ ซึ่งก็ไม่ได้ดังน่าเกลียดเหมือน 911 เพียงแต่ว่าถ้าคุณถวิลหาความเงียบแบบ Rolls-Royce ก็ขอให้เตรียมผิดหวังไว้บ้าง การเก็บเสียงจากกรอบกระจก และห้องเครื่อง ทำได้ดีสมกับระดับของรถ

***สรุปการทดสอบ***

***ถ้าไม่คิดเรื่องลุยน้ำ E-Hybrid ก็น่าสน!***

เมื่อคุณคิดจะเลือก Cayenne ผมเดาไว้แล้วว่าการที่คุณเลือกมัน เพราะคุณไม่ได้สนใจที่จะเล่นรถระดับพรีเมียมทั่วไปที่มีให้เลือกเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็น Lexus NX300, BMW X5 ที่รอประกาศราคาอยู่, Audi Q7  หรือ Volvo XC90 เมื่อคุณเล่น Porsche แปลว่าคุณต้องการ Social Status ที่สูงขึ้น และ/หรือ ชื่นชอบในช่วงล่างและการขับขี่ของมัน

เพราะถ้าคุณแค่ต้องการรถ SUV ที่ใช้งานได้ดีเฉยๆ หรือแค่ชอบของเล่นหรูหราไฮโซในรถ ผมดักทางไว้ก่อนเลยว่าไม่ต้องหรอกครับ สำหรับคนที่เกลียดไฮบริดน่ะ คุณยังมี Audi Q7 45TFSI 3.0 ให้สัมผัสช่วงล่างและพวงมาลัยที่ใกล้เคียง Porsche Cayenne S ระดับหนึ่ง แต่มันจะมีพลัง “แค่” 333 แรงม้า อุปกรณ์ต่างๆพอฟัดพอเหวี่ยงกับ Porsche แพ้กันคนละทางได้กันคนละอย่าง แต่สรุปจบที่ 4.999 ล้านบาทกับหน้าตาที่ออกจะดูแก่กว่า คุณโอเคมั้ย?

หรือถ้าคุณโอเคกับระบบไฮบริด แต่ไม่ได้ต้องการตรา Porsche และไม่ได้ขับรถเร็วมาก Volvo XC90T8 Inscription ก็ถูกกว่า Cayenne เกือบ 2 ล้านบาท แต่ได้อุปกรณ์ต่างๆครบที่สุดแล้วในบรรดา SUV ราคาไม่เกิน 6 ล้าน มี Safety feature มากมายและมีระบบช่วยขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติอีกต่างหาก เบาะก็นุ่มนั่งสบายผ่อนคลายกว่า เพียงแต่เวลาออกบทบู๊ไล่รถซิ่งเล่น ช่วงล่างมันออกอาการน่ากลัวกว่าเพื่อน

แต่ถ้าคุณไม่โอเคกับทั้งสองคันที่ว่า และยืนยันว่าจะคบหากับ Cayenne ล่ะ?

Cayenne S คือ High Performance SUV ที่ดีกว่าในความคิดของผม ยิ่งถ้าคุณเป็นคนเท้าหนัก เลือกล้อลาย RS Spyder 21 นิ้วตามในภาพบนนี้ใส่กับยางดีๆ เลือกแพ็คช่วงล่าง Air suspension และอาจจะบวกเหล็กกันโคลงไฟฟ้า PDCC เข้าไป แล้วคุณจะได้ SUV ที่ทำให้นึกถึงช้าง Shep ใน George of the jungle ที่รวดเร็วไม่สมกับหุ่นของมันไม่ว่าจะทางตรงหรือทางโค้ง คุณอาจเคยเจอ SUV บ้าพลังมาพันคัน แต่คุณยังไม่ได้เจอ SUV ที่บ้าทั้งพลังและการบังคับควบคุมถ้าคุณยังไม่ได้ลองขับ Cayenne S

แต่พอมาดูราคาค่าตัว 11,400,000 บาท แล้วก็หันไปมองอีกตัวเลือกข้างล่างนี่…

ด้วยค่าตัว 6,677,000 บาทกับ Cayenne E-Hybrid สเป็คไทยพร้อม Thailand option package ผมต้องขอแหกอุดมการณ์แอนตี้รถถ่านที่มีมาตลอด เพราะถึงแม้เราทราบกันดีว่าราคาขายต่อร่วงระนาว และเรื่องความจุกจิกในการบำรุงรักษา ความยากในการซ่อมแซมระบบเมื่อมีปัญหา เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ว่าผมไม่ทราบเพราะคนรอบตัวจับ Porsche Hybrid มาปล่อยแล้วน้ำตาตกกันมาเยอะแล้วครับ แต่พอเห็นส่วนต่างของราคาตั้ง 4.7 ล้านบาท ผมคิดว่ามันมากพอที่จะชดเชยเกลือแร่ที่สูญเสียไปกับเหงื่อได้นะ

การที่รถไทย มีออพชั่นไม่จุใจบางคน ก็เอาเงิน 4.7 ล้านที่เหลือนี่ล่ะครับมาเติมมันเข้าไป อย่างแลกคือล้ออัลลอยลายเดซี่ดั๊กนั่น เอามันไปบริจาคซะแล้วเลือกลายสวยๆใส่ ภายในที่โทนสีทะมึนเห็นแล้วอยากแห่นางแมว ก็เปลี่ยนเป็นสีแบบที่คุณชอบ เลือกคาร์บอนเลือกไม้ใส่ตามใจ แล้วก็ติ๊กสั่งหลังคา Panoramic กับไฟตกแต่งห้องโดยสารยามค่ำคืน (Ambient Light) ก็ได้ (ผมลองกดออพชั่นแล้ว Config รถแบบที่ตัวเองชอบเล่น ลองคลิกดูที่นี่ก็ได้เผื่อเอาไปอ้างอิงตอนคุณสั่งจองรถ)

เมื่อคุณสั่งเพิ่มสิ่งเหล่านี้เข้าไป ผลิตผลที่ออกมา มันจะเป็น SUV นักล่า ที่แรงและเร็วไม่แพ้ Cayenne S อาจจะอุ้ยอ้ายกว่านิดหน่อยเวลาเข้าโค้ง แต่ในการขับแบบปกติถึงเร็วแบบบนถนน ความแตกต่างตรงนั้นไม่ได้ส่งผลชนิดคอขาดบาดตาย เบาะนั่งของมันอาจจะแข็ง แต่ก็สบายพอสำหรับการเดินทางไกล มีเนื้อที่บรรทุกสัมภาระไม่ต่างกันมาก และคุณสามารถวิ่ง 20-30 กิโลเมตรต่อวันโดยไม่ต้องใช้น้ำมันเลย นั่นก็เป็นไปได้

ผมห่วงข้อเสียเปรียบมันอย่างเดียวคือเวลาเจอน้ำท่วมนี่ล่ะครับ เพราะอย่างที่บอกไว้ก่อนหน้า ว่ารุ่น E-Hybrid นี่ Porsche แจ้งว่าระยะลุยน้ำปลอดภัยสุดคือลึกไม่เกิน 280 มิลลิเมตร ในขณะที่รุ่นที่ไม่ใช่ไฮบริดจะลุยได้ระดับ 500 มิลลิเมตร มันต่างกันมาก และกับถนนและระบบระบายน้ำที่แย่ เรามีสิทธิ์เจอน้ำท่วมระดับนั้นได้ง่ายมาก และเจ้าของบางคนที่ซื้อ E-Hybrid ไปโดยไม่รู้ความต่างในจุดนี้ อาจจะได้เสียเวลาและเสียอารมณ์ฟรีๆ

หากไม่นับจุดนี้แล้ว Cayenne E-Hybrid ก็จะเป็น SUV บ้าพลังที่เอาอยู่ ให้อัตราเร่งแบบรถสปอร์ต เกาะถนนแบบรถ Hot Hatch มีพื้นที่ภายในแบบ SUV เป็น Porsche คันที่สองที่เหมาะมากสำหรับบ้านที่มี Porsche อยู่แล้ว และยังสามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้า ไม่ใช้น้ำมันเลยได้ไกลพอสำหรับคนที่บ้านอยู่ห่างที่ทำงาน 10-15 กิโลเมตร

นั่นมันก็เหมาะกับคุณภาพอากาศและฝุ่นละออง PM2.5 ที่เราเจออยู่ทุกวันนี้..แค่ไม่ได้เหมาะกับระดับกระเป๋าเงินของพวกเราทุกคนเท่านั้นแหละ!

ขอขอบคุณ

  • ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท AAS Auto Service จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ Porsche อย่างเป็นทางการ
    แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
  • Porsche Asia/Pacific of Singapore
Previous Post

N2207006_เขาแค_จะมาทานข_าวแต_กล_บได_ร__ความล_บของชายคนน__ _731__1851131895429244_part2

Next Post

N2407010_เทพน อยกล บชาต มาเก ดเป นทารก กชาวนาใจด เก บมาเล ยงด_part2

Next Post
N2407010_เทพน อยกล บชาต มาเก ดเป นทารก กชาวนาใจด เก บมาเล ยงด_part2

N2407010_เทพน อยกล บชาต มาเก ดเป นทารก กชาวนาใจด เก บมาเล ยงด_part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2507001_เซอร ไพรส ในงานเล ยงกลายเป นจ ดเร มดราม ามรดกส ดพ_part2
  • N2507002_านไปหลายป เธอย งเหม อนเด แต คร งน จะไม เหม อนเด มอ กแล_part2
  • N2507004_เขาจำเธอไม ได แต เธอกล บม อด ตท เขาไม นหน_part2
  • N2507005_คำขอโทษของแม อาจเปล ยนชะตาช ตของท กคนในครอบคร_part2
  • N2507009_เธอร องไห กลางศาลขอค นด แต เขาตอบด วยคำพ พากษาหย_part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • July 2025
  • June 2025
  • May 2025
  • April 2025
  • March 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.