Mercedes ให้คำมั่นว่ารถรุ่นใหม่จะมีห้องโดยสารที่ “กว้างขวางเป็นพิเศษ” โดยจะมีที่นั่งแถวที่ 3 ให้เป็นออฟชั่น ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ทั้งหมด 7 ที่นั่ง ได้เผยโฉมภายในของ EQS SUV รุ่นปี 2023 ซึ่งจะเป็นรถอเนกประสงค์ไฟฟ้า (electric sports utility vehicle) ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทนับถึงปัจจุบันนี้ โดยจะเปิดตัวครั้งแรกในโลก (world premiere) ในวันที่ 19 เมษายน ที่จะถึงนี้
EQS SUV จะใช้แพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น EVA2 ร่วมกับ EQS sedan โดยจะใช้การผสมผสานการออกแบบภายใน ความหรูหราและเทคโนโลยี ให้เข้ากับการใช้พื้นที่และความอเนกประสงค์ของรถ SUV ขนาดใหญ่
Mercedes-Benz EQS SUV กำลังมองหา “การให้คำนิยามใหม่กับรถใน segment นี้ทั้งหมด” ด้วยการนำเสนอมิติภายในรถที่ “กว้างขวางเป็นพิเศษ” และแม้ว่าผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆจะยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวกับสิ่งดังกล่าวในตอนนี้ และเพื่อให้มีความคล่องตัวที่มากขึ้น รถ SUV ไฟฟ้าสุดหรูนี้ จะมีตัวเลือกที่นั่งแถวที่ 3 และแถวที่ 2 ที่สามารถปรับด้วยไฟฟ้า และรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 ที่นั่ง
การออกแบบภายในมุ่งเน้นไปที่การสร้างความเป็นดิจิทัล โดยจุดหลัก คือ ออฟชั่นจอภาพ MBUX Hyperscreen ขนาด 56 นิ้ว ซึ่งได้เปิดตัวในรถ EQS sedan หน้าจอโค้งกว้างเกือบตลอดแนวความกว้างของห้องโดยสาร รวมถึงแผงหน้าปัด infotainment และจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารที่การออกแบบโดยไร้รอยต่อ
หน้าจอ MBUX Hyperscreen จะผสมผสานกับแถบด้านบน ซึ่งจะรวมเข้ากับช่องแอร์ที่โดดเด่น และคอนโซลตรงกลางที่ดูเหมือนลอยอย่างอิสระอยู่ด้านล่าง
ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหน้าจะได้ใช้ประโยชน์จากหน้าจอ OLED ขนาด 12.3 นิ้ว ที่จะช่วยให้สามารถควบคุม features ต่างๆ และดูคอนเทนต์ได้ เช่น การสตรีมวิดีโอหรือทีวีในขณะเดินทาง (ขึ้นอยู่กับข้อบังคับทางกฎหมายเฉพาะแต่ละประเทศ) ที่น่าสนใจ คือ หากกล้องที่อยู่ในตัวรถตรวจพบว่าคนขับกำลังมองที่จอแสดงผลของผู้โดยสารตอนหน้า หน้าจอจะหรี่การแสดงโดยอัตโนมัติ
ในด้านความหรูหรา EQS SUV ได้ผสมผสานนวัตกรรมและวัสดุแบบดั้งเดิม รวมทั้งสีสันเพื่อให้ได้บรรยากาศที่เหมือนนั่งอยู่ในห้องพักอย่างผ่อนคลาย มีการใช้หนังชั้นดีและเนื้อไม้แท้อย่างมากมาย โดยจุดเด่นอย่างหนึ่ง คือ การตกแต่งแบบไฮบริดที่สร้างสรรค์จากไม้แมกโนเลียและสแตนเลส วัสดุนี้ใช้กับช่องตรงกลางด้านหน้าและแผงหน้าปัด (ในรุ่นที่ไม่มี MBUX Hyperscreen) วัสดุนี้จะมีรูเล็กๆที่มีรูปร่างเหมือนกับดาวของ Mercedes-Benz ที่ใช้เลเซอร์ฉลุเข้าไปในเนื้อไม้ด้วย
ลูกค้าสามารถเลือกสีได้ระหว่าง 7 สีผสมผสานกัน และคุณสมบัติอื่นๆอีกมากมาย รวมถึงระบบความบันเทิงที่เบาะหลัง เบาะนั่งแถวที่ 3 ที่แยกเป็น 2 ที่นั่ง พร้อมตำแหน่งที่นั่งที่ว่ากันว่าสบายกว่าในรุ่น GLE ระบบเสียง Dolby Atmos และระบบควบคุมอากาศที่มีพลังสูง แถมด้วยระบบกรองอากาศ ซึ่งต้องขอบคุณแผ่นกรอง HEPA ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นละออง ละอองเกสร และสิ่งปนเปื้อนอื่นๆเข้าสู่ห้องโดยสาร
Mercedes-Benz จะเปิดตัวรถรุ่น EQS SUV ในปลายปีนี้ หลังจากที่วิศวกรทำการทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว ขณะนี้รถต้นแบบกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบแบบ integrated กับสภาพอากาศหนาวเย็นในประเทศสวีเดน โดยการทดสอบจะครอบคลุมในส่วนของรถทั้งหมด โดยจะเน้นที่ส่วนประกอบและระบบส่งกำลังทั้งหมด
โดยในตอนนี้ การออกแบบภายนอกของตัวรถยังคงมีความคลุมเคลืออยู่มาก แต่คาดว่าการผลิตออกมาจะคล้ายคอนเซ็ปต์รถรุ่น Mercedes-Maybach EQS SUV Concept ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว (ยกเว้นบางส่วนของ Maybach รุ่น regular) ซึ่งคงต้องคอยดูกันว่าจะเป็นอย่างที่คาดเดากันหรือไม่ เมื่อ Mercedes-Benz EQS SUV เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกในวันที่ 19 เมษายนนี้ รถ EQS SUV จะถูกประกอบขึ้นในเมือง Tuscaloosa รัฐ Alabama โดยใช้แบตเตอรี่ที่จัดส่งให้โดยโรงงานผลิตแห่งใหม่ ซึ่งเปิดตัวแล้วในวันนี้ที่เมือง Bibb County ในรัฐทางตอนใต้นี้

ที่มา insideevs
ค่ายรถยนต์ตราดาวสามแฉกตัวแรงจากแดนเบียร์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ได้ทำการเผยภาพร่างของ Mercedes-AMG GT โรดสเตอร์ตัวแรงระดับ 600 แรงม้าโฉมใหม่ ที่พร้อมลงลุยตลาดแล้วช่วงปี 2023

รถ Mercedes-AMG GT เจเนอเรชันใหม่นั้น จะมีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวขึ้น โดยรถจะถูกเปิดตัวในปี 2023 ภายหลังการเปิดตัวรถรุ่น SL roadster sportier เมื่อไม่นานมานี้ Mercedes-AMG ก็พร้อมที่จะเปิดตัว AMG GT รุ่นที่สอง ที่มีความฮาร์ดคอร์มากยิ่งขึ้น ซึ่งคู่แข่งของรถ Porsche 911 นี้ จะใช้แพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด โดยจะใช้ร่วมกันกับรุ่น SL และ GT รุ่นใหม่นี้จะถูกวาง position ให้มีความเป็นรถเวอร์ชั่น racing มากขึ้นกว่ารุ่นเดิม
มันจะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ในแบบที่คุ้นเคย ด้วยเครื่องยนต์ biturbo V8 4.0 ลิตรของ AMG ซึ่งสามารถขับเคลื่อนได้มากกว่า 600 แรงม้า ในรุ่น GT 63 ทำให้มีระยะห่างที่ชัดเจนระหว่างรุ่น 63 กับ SL รุ่นใหม่ และที่ได้รับการยืนยันแล้วนั้น คือ เครื่องยนต์ E-Performance plug-in hybrid V8 อาจจะถูกนำเสนอใน line-up ใหม่ของ GT อีกด้วย
ต้องขอบคุณแพลตฟอร์ม aluminium-intensive MSA แบบใหม่ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ Mercedes ‘4MATIC+ ทำให้ AMG GT รุ่นต่อไปมีแนวโน้มที่จะเลิกใช้แพลตฟอร์มแบบดั้งเดิมที่เคยมี และเปลี่ยนเป็นการส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ นั่นหมายความว่ารถสามารถทำความเร็วได้ตั้งแต่ 0 – 100 ในเวลาที่ต่ำกว่า 3.5 วินาที
เช่นเดียวกับรถรุ่น AMG แบบขับเคลื่อนสี่ล้ออื่นๆ ระบบจะถูกติดตั้งให้มุ่งเน้นไปที่คนขับมากขึ้น โดยการส่งกำลังไปยังเพลาหลังมากขึ้น และพารามิเตอร์ของระบบก็จะเปลี่ยนไปตามโหมดการขับขี่ เพื่อช่วยเพิ่มความคล่องตัวและความเสถียร การมุ่งเน้นไปที่การควบคุมล้อหลัง ระบบป้องกันการสั่นสะเทือนแบบปรับอัตโนมัติ (Active Ride Control) ของ AMG และเทคโนโลยีป้องกันการพลิกคว่ำด้วย

รถใหม่ Mercedes-AMG GT รุ่นใหม่กำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบ และจากภาพที่ออกมาก็แสดงให้เห็นถึงโปรไฟล์ที่ดุดันยิ่งขึ้น ด้วยกระจกหลังที่มีความลาดเอียงสูง โดยรายละเอียดบางอย่างนั้นออกมาอย่างชัดเจนแล้ว เช่น ซุ้มล้อหลังที่แข็งแรงและสัดส่วนที่โฉบเฉี่ยว รวมถึงฝากระโปรงหน้าแบบยาวพร้อมกระจังหน้าแบบ Panamericana ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของ AMG ภาพสุดพิเศษของเรานี้ ได้แสดงให้เห็นว่ารายละเอียดเหล่านี้จะออกมาเป็นอย่างไรเมื่อรถได้ทำการผลิต

เป็นที่คาดการณ์กันว่าการตกแต่งภายในของ Mercedes-AMG GT รุ่นต่อไป จะได้รับการยกเครื่องใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจสืบทอดองค์ประกอบจากห้องโดยสารของ SL รวมถึงหน้าจอสัมผัสขนาด 11.9 นิ้ว
Jochen Hermann หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคของ AMG ได้ยืนยันแล้วว่า GT รุ่นต่อไปจะไม่ถูกนำเสนอในรูปแบบ Roadster เนื่องด้วย SL รุ่นใหม่จะครอบคลุมไปยังตลาดนั้น ยังไม่มีใครรู้ได้ว่า GT จะยังคงสืบทอดเค้าโครงแบบ 2+2 ของ SL หรือไม่ หรือจะยังคงเป็นรถแบบสองที่นั่งอย่างเคร่งครัด
เราจะได้เห็นรถ Mercedes-AMG GT รุ่นใหม่ ซึ่งเหมือนหลุดออกจากกรอบเดิมๆในปลายปีนี้ โดยจะออกขายในช่วงต้นปี 2023 และราคาจะสูงขึ้นเล็กน้อยจากรถรุ่นปัจจุบัน โดยเริ่มต้นที่ 108,390 ปอนด์ หรือประมาณ 4.7 ล้านบาท