เหตุผลที่ Mercedes Maybach S 580 e วางตำแหน่งเบาะผู้โดยสารตอนหลังไว้เช่นนี้ ก็เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้นั่ง ในชาติที่ข้อบังคับเรื่องการติดฟิล์มไม่ให้มืดทึบจนเกินไป นี่คือวิธีการให้ผู้โดยสารระดับ VIP สามารถซ่อนตัวเองอยู่ในรถได้ แต่ถ้าหากยังไม่เพียงพอ Mercedes Maybach S 580 e ยังมาพร้อมกับม่านบังแดดปรับขึ้นลงระบบไฟฟ้า ทั้งบริเวณประตูหลัง และกระจกหลัง
นอกเหนือจากนี้ เบาะนั่งยังถูกปรับมาเป็นแบบ Captain Chair แบ่งแยกสองฝั่ง ปรับด้วยไฟฟ้า และมีระบบนวดน่องเพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นขยับเลื่อนเบาะผู้โดยสารตอนหน้าออกไป เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขา ให้สามารถเหยียดตรงออกไปได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าผู้โดยสารจะมีขาที่ยาวแค่ไหนก็ตาม เป็นอีกหนึ่งข้อดีของฐานล้อที่ยาวขึ้นนั่นเอง








โดยที่บริเวณตรงกลางถูกเปลี่ยนเป็นคอนโซล ซึ่งมีที่วางแขนขนาดใหญ่ ปิดเหนือช่องเก็บของขนาดยักษ์ ซึ่งด้านในมีการซ่อนช่องชาร์จ USB-C เอาไว้ และยังมีการซ่อนโต๊ะทำงานเอาไว้ด้านในคอนโซลกลาง ถัดมาด้านหน้ามีแท่นวางโทรศัพท์พร้อมแท่นชาร์จไร้สาย ขยับมาด้านล่างมีช่องเก็บของเพิ่มเติม ถัดมาด้านหน้ามีที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง ขนาดเล็กและใหญ่ และปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศแยก 2 ฝั่ง

มองขึ้นไปด้านหน้า บริเวณหลังเบาะผู้โดยสารตอนหน้า มีหน้าจอ Multifunction บนระบบปฏิบัติการ MBUX สำหรับผู้โดยสารตอนหลังแยกเฉพาะ
ระบบเครื่องเสียงของ Mercedes Maybach S 580 e เป็นของ Burmester 3D Surround System ที่มาพร้อมกับลำโพง 15 ตัว ซึ่งเมื่อรวมกับการเก็บเสียงที่ดีเยี่ยมแล้ว ทำให้นี่เป็นหนึ่งในระบบเครื่องเสียงรถยนต์ที่ดีที่สุดที่เงินสามารถซื้อได้ในปัจจุบัน
รายละเอียดด้านวิศวกรรม และการทดลองขับ / Technical Information & Test Drive
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง / Engine & Drivetrain
เครื่องยนต์รหัส M256 เบนซิน 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.0 x 92.4 มิลลิเมตร กำลังอัด 15.5 : 1 พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 367 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 4,500 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 150 แรงม้า 480 นิวตันเมตร กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 510 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic พร้อม Steering Wheel Gear-shift Paddles ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD
ตัวเลขสมรรถนะเคลมจากโรงงาน
- อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 5.7 วินาที
- ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 250 km/h
การชาร์จไฟฟ้า รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 60 kW

ขุมพลัง 6 สูบแถวเรียงที่ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ระบุพละกำลังรวมเอาไว้ที่ 510 แรงม้า ฟังดูเยอะ แต่เราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าด้วยความเป็นรถยาวเกือบ 5 เมตรครึ่ง ยาวกว่ารถบรรทุก 6 ล้อเล็กหลายรุ่น ขุมพลังแบบ Plug-in Hybrid ที่ต้องมีแบตเตอรี่น้ำหนักมาก และยังอัดแน่นมาด้วยส่วนประกอบของความหรูหรา อย่างเช่นกระจกสองชั้น การซับเสียงอย่างเต็มที่ หรือเบาะปรับไฟฟ้าขนาดยักษ์สำหรับรองรับผู้โดยสาร ฯลฯ ทั้งหมดทำให้ Mercedes Maybach S580 e Premium มีน้ำหนักตัวมหาศาลตามที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาทำการทดสอบเหยียบคันเร่งเต็มที่ สิ่งที่เราพบคือ พละกำลังที่ระบุเอาไว้ 510 แรงม้านั้นก็สามารถเชื่อถือได้ มอเตอร์ไฟฟ้าพละกำลัง 150 แรงม้า ช่วยเสริมกำลังเครื่องยนต์ 6 สูบ ในการขับเคลื่อนยักษ์ใหญ่สุดหรูคันนี้ พุ่งทะยานออกไปด้วยความรวดเร็วจนเราอาจจะลืมได้ว่า นี่คือรถ Luxury Sedan คันใหญ่ เพราะแรงดึงของมันก็เทียบเท่ากับรถสปอร์ตขนาดเล็กเครื่องยนต์ 4 สูบ พ่วงเทอร์โบชาร์จเจอร์ ในท้องตลาดได้
นอกจากนี้ ประเด็นที่น่าสนใจและหลายคนอาจจะสงสัย ก็คือเรื่องของการสเถียรภาพในขุมกำลัง Hybrid ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเด็นหลักด้วยกัน อย่างแรกเลยคือ การคงไว้ซึ่งพละกำลังตลอดทุกย่านความเร็ว รถ Hybrid โดยปกติทั่วไปหลากหลายรุ่น มักจะมีอัตราเร่งในช่วงความเร็วต่ำ 0-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ไว แต่หลังจากนั้นก็จะหดหายเทียบไม่ได้กับรถสันดาป
สำหรับ Mercedes Maybach S 580 e Premium อัตราเร่งที่ขับเคลื่อนรถได้อย่างว่องไวนั้น ยังคงระดับเอาไว้ได้ค่อนข้างคงที่ แม้กระทั่งอยู่ที่ความเร็วระดับ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปแล้ว นั่นเพราะระบบขับเคลื่อนของรถ เมื่ออยู่ที่ความเร็วสูง จะไม่ได้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก แต่จะอยู่ที่เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงซึ่งก็มีพละกำลังพอใช้ได้ แม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นมากขนาดนั้นเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว


อีกประเด็นหนึ่งของเรื่องสเถียรภาพความว่องไว คือเมื่อแบตเตอรี่สูญเสียการชาร์จไปจนต่ำลง นี่เป็นเรื่องที่รถ Hybrid จำนวนมากต้องประสบพบเจอ คือเมื่อแบตเตอรี่เหลือต่ำมาก ๆ พละกำลังของรถจะตกต่ำลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน
ในการทดสอบครั้งนี้ เราได้ทำการทดสอบอัตราเร่งของ Mercedes Maybach S 580 e เมื่อระดับแบตเตอรี่หมด เหลือ 0% และได้ทดลองชาร์จจนเต็ม 100% ผลที่ออกมาคือ แม้ว่าจะสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของอัตราเร่งบ้าง แต่ด้วยพละกำลังของเครื่องยนต์ รวมไปถึงระบบที่เน้นการขับเคลื่อนโดยเครื่องสันดาปเป็นหลัก การรักษาประสิทธิภาพของตัวรถเอาไว้นั้น ทำได้ค่อนข้างคงที่ แม้แบตเตอรี่จะเหลือ 0% แต่ถ้าหากคุณอยากพุ่งทะยานออกไปเหมือนจรวด ก็ยังสามารถทำได้
นอกจากนี้ ทางเรายังได้ทำการทดสอบการขับขี่ในโหมด All Electric ไฟฟ้าล้วน ซึ่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันนั้น เรียกได้ว่าเหลือเฟือ ระยะทางที่วิ่งได้จริงบนหน้าปัด ค่อนข้างตรง และในโหมดนี้ยังสามารถใช้ความเร็วได้มากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เรียกได้ว่าเป็นรถ Plug-in Hybrid ที่ออกแบบมาได้เหมาะสมสำหรับการใช้งานประจำวัน
ในด้านของระบบส่งกำลัง 9G-Tronic ก็ถูกปรับมาให้เหมาะสมกับตัวรถโดยรวม คือถูกเซ็ตมาให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนิ่มนวล ไม่มีแรงกระตุกหรือกระชาก แม้กระทั่งเมื่ออยู่ในโหมด Sport ก็ไม่ใช่ระบบเกียร์ที่จะสร้างความตื่นเต้น มีเพียงแต่ความสะดวกสบายให้แก่ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารเพียงเท่านั้น
การเก็บเสียงรบกวน และอาการสะท้าน NVH (Noise, Vibration & Harshness)
นอกเหนือจากการติดตั้งวัสดุซับเสียงอัดแน่นมาเต็มคัน รวมไปถึงกระจกสองชั้น Mercedes Maybach S580 e ยังมาพร้อมกับระบบ Active Driving Noise Compensation ที่จะส่งคลื่นเสียงตัดกับความถี่ที่น่ารำคาญ เพื่อลดเสียงรบกวนจากด้านนอกลงไปให้ได้มากที่สุด ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เป็นไปตามความคาดหมาย ระหว่างการขับขี่ เสียงรบกวนจากภายนอกนั้นแทบจะไม่มีอยู่ ไม่ว่าจะเสียงจากยาง เสียงรถคันอื่น ถ้าหากไม่เปิดกระจกออกไปจะไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่าเสียงภายนอกนั้นดังขนาดไหน
ในเรื่องของแรงสั่นสะเทือน ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงนั้นมีสมดุลในการจุดระเบิด จึงทำให้เป็นเครื่องยนต์ที่ทำงานได้เรียบตามธรรมชาติอยู่แล้ว อีกทั้งการออกแบบแท่นเครื่องให้ซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ทำให้ความรู้สึกในการขับขี่แทบจะใกล้เคียงกับรถไฟฟ้ามาก สังเกตได้จากการตัดเข้ามาทำงานของเครื่องยนต์จากโหมดไฟฟ้าล้วน ซึ่งถ้าหากไม่ได้ยินเสียงที่แผ่วเบา หรือรอบเครื่องยนต์ที่ดีดขึ้นมาบนมาตรวัดรอบ ก็ไม่สามารถสัมผัสถึงแรงสั่นได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ทั้งหมดนี้ก็เป็นไปตามความคาดหวังกับรถยนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการเดินทางโดยไร้สิ่งรบกวนโดยสิ้นเชิง
ระบบบังคับเลี้ยวและระบบกันสะเทือน / Steering & Suspension
พวงมาลัยของ Mercedes Maybach S580 e Premium ใช้เป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า Electromechanical Power Steering และมาพร้อมกับระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง 4.5 องศา เพื่อลดความกว้างของวงเลี้ยว Turning Radius ที่ความเร็วต่ำ ด้วยการหักล้อสวนทางกับล้อหน้า และเพิ่มสเถียรภาพที่ความเร็วสูงด้วยการหักตามล้อหน้า

Mercedes Maybach S 580 eมาพร้อมกับระบบช่วงล่าง Self Leveling AIRMATIC ซึ่งใช้ระบบชุดโช้คอัพ/สปริงแบบถุงลม ซึ่งสามารถรักษาระดับความสูงของตัวรถให้คงที่ได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นช่วงล่างแบบ Active ปรับตามสภาพการขับขี่ได้ โดยคำนึงตั้งแต่โหมดการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก ความเร็ว รวมไปถึงสภาพถนนด้วย
ทั้งพวงมาลัย และระบบช่วงล่างนี้เอง เป็นสองปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราจั่วหัวว่า Mercedes Maybach S580 e นี้ เป็น Private Jet เต้นระบำ
ก่อนอื่นเลยเราต้องพูดถึงส่วนของความเป็น Private Jet เราสามารถอธิบายได้เช่นนี้เพราะ Maybach S580 e ดูดซับแรงสะเทือนจากถนนได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก ในระดับที่ว่าลูกระนาดขนาดเล็กที่ใช้เตือนให้ผู้ขับขี่ชะลอความเร็ว ไม่สามารถสัมผัสได้ทั้งจากแรงสะเทือนของตัวถัง และแรงสะเทือนจากพวงมาลัย ถ้าหากผิวถนนนั้นไม่ได้ขรุขระอย่างแท้จริง จน Motion ของช่วงล่างขยับรวดเร็วกว่าที่ระบบช่วงล่าง AIRMATIC จะสามารถตอบสนองได้ ผู้โดยสารจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผิวถนนนั้นมีสภาพเป็นเช่นไร แม้แต่ในโหมดการขับขี่แบบ Sport ก็เป็นเช่นนี้
เมื่อถึงจุดที่ช่วงล่างต้องดูดซับแรงมากเสียหน่อย เช่นบนเนินชะลอความเร็วตามหมู่บ้าน ถ้าหากผู้ขับขี่ไม่สนใจ ยัดใส่เข้าไปด้วยความเร็วสูง แรงสะเทือนที่กระทำขึ้นมา ก็อาจจะพอ ๆ กับเราขับรถปกติทั่วไป ผ่านลูกระนาดขนาดเล็กที่ Maybach S580 e ทำให้หายไปได้โดยสิ้นเชิงนั่นเองครับ
ทั้งหมดนี้หมายความว่า ในขณะกำลังโดยสารตอนหลัง ซึ่งกระจกสองชั้น รวมไปถึงระบบ Noise Cancelling Control ทำให้ภายในนั้นเงียบเชียบ เบาะโดยสารออกแบบมาให้เหมือนเก้าอี้โซฟาขนาดยักษ์ และแรงสะเทือนจากช่วงล่างนั้นมีน้อยมากเช่นกัน สิ่งเดียวที่จะสามารถทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสั่นสะเทือน และไม่สบายได้ ก็มีแต่พลขับเพียงอย่างเดียว ซึ่งนั่นจะนำพามาถึงส่วนที่สอง คือส่วนของการเต้นระบำ

ช่วงล่าง AIRMATIC ของ Mercedes Maybach S 580 e ด้วยความสามารถในการปรับระดับตัวของมันเองได้ นอกเหนือจากจะดูดซับแรงสะเทือนเมื่อเกิด Motion ขยับด้านหน้า/หลัง หรือ Fore/aft Motion แล้ว ในการขยับจากด้านข้าง หรือ Side/side Motion ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากการหักเลี้ยว หรือเจอแรงสะเทือนจากผิวถนนที่เอนลาด ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน อธิบายได้คือ เมื่อคุณหักเข้าโค้งด้วยรถ Maybach S 580 e นี้ อาการเอนเอียงของตัวรถจะมีน้อยมาก เนื่องจากช่วงล่างในด้านนอกของตัวรถจะพยายามดันขึ้นเพื่อรักษาระดับของตัวรถเอาไว้
สิ่งที่น่าเซอร์ไพรส์ที่สุด คือเมื่อท่านอ่านอาจจะคิดว่า Motion ของรถขณะเลี้ยวเช่นนี้ น่าจะฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่ผิดนักเท่าไหร่ เนื่องจากการซับแรงสะเทือนที่ยอดเยี่ยม ทำให้อาการโดยปกติของรถเมื่อกำลังถึงจุดสูงสุดของการเข้าโค้ง ไม่ส่งสัญญาณใด ๆ กลับมาที่ผู้ขับขี่เลย อันนั้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่ด้วยความสามารถในการรักษาระดับของตัวรถเอาไว้ นั่นทำให้ผู้ขับขี่สามารถจับสัมผัสได้จากการหมุนของตัวรถเองเพียงอย่างเดียว ถ้าหากรถเกิด Understeer หน้ารถก็จะบานออก และเมื่อเติมคันเร่งมากไป ท้ายรถไหลออก ทั้งหมดสัมผัสได้ง่ายโดยที่ไม่ต้องอาศัยแรงที่กระทำกลับขึ้นมาบนพวงมาลัย และผู้ขับขี่ก็สามารถแก้อาการก่อนที่ระบบ ESP จะทำงานได้ง่าย ๆ
เมื่อรวมกับระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง ทำให้ Mercedes Maybach S 580 e เป็นรถที่การบังคับเลี้ยวที่ความเร็วสูง มีความคล่องตัวมากกว่าที่ขนาดและน้ำหนักของรถจะบ่งบอก ตัวรถนั้นไม่มีอาการโยนออกด้านข้างในแบบที่รถน้ำหนักมากมักจะประสบปัญหาเลย และระบบเลี้ยวล้อหลังก็ช่วยทำให้รถเลี้ยวได้คล่องตัวขึ้น โดยที่ไม่ได้เกิดอันตรายเพราะอาการของรถก็จับได้ง่าย และมีระบบช่วยเหลือที่ทำให้เป็นการยากที่จะทำให้รถเสียอาการจนแก้กลับมาไม่ได้

โดยสรุปแล้ว Mercedes Maybach S 580 e เมื่ออยู่ในกำมือของพลขับที่ต้องการทำเวลา จะกลายมาเป็นรถที่ตอบสนองการบังคับควบคุม และทำความเร็วในการเดินทางได้อย่างมาก ความรู้สึกเมื่อขับรถรุ่นนี้ไปในทางที่คดเคี้ยว เหมือนกับเมื่อคุณเต้นระบำได้อย่างลื่นไหลและสมบูรณ์แบบ มันเป็นความรู้สึก Satisfying พอ ๆ กับการใช้มือลูบไปบนผ้าสักหลาดเลยละครับ
อย่างไรก็ตาม รถที่มีลักษณะเช่นนี้ และถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ เนื่องจากความสามารถในการขับขี่ของแต่ละคนไม่เท่ากัน เราไม่แนะนำให้ผู้ขับขี่พยายาม Defeat ระบบช่วยเหลือการขับขี่ อย่างระบบควบคุมการทรงตัว ESP ซึ่งเท่าที่เราลองหาดูก็ไม่ได้มีอยู่ในเมนูที่ปรับเปลี่ยนได้ง่าย เรามองว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว เพราะเห็นได้ชัดว่า Mercedes Maybach S 580 e ถูกออกแบบมาให้ช่วงล่าง พวงมาลัย ทำงานร่วมกับระบบ ESP อย่างชัดเจน แต่นี่ก็เป็นการมองนอกเหนือจากจุดประสงค์หลักของรถคันนี้ไปแล้ว
ระบบห้ามล้อ / Brake
Mercedes Maybach S 580 e ใช้ปั้มเบรก และดิสก์เบรกขนาดยักษ์ทั้ง 4 ล้อ โดยด้านหน้านั้นเป็นแบบมีครีบระบายความร้อน และเจาะรู ส่วนด้านหลังมีเพียงครีบระบายความร้อน ระบบเบรกของ Maybach S 580 e ทำงานร่วมกับระบบ Regenerative Braking ของมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งทำงานตั้งแต่คนขับยกคันเร่ง
ความรู้สึกของแป้นเบรก สำหรับผู้ที่ไม่เคยขับมาก่อนนั้น จะมีความแปลกเป็นอย่างมาก เนื่องจากการทำงานร่วมกับระบบ Regen Braking จึงทำให้ระยะเหยียบ แตกต่างกันแทบจะในทุกครั้งที่เราเบรก นี่เป็นแป้นเบรกที่ไม่มีความ Linear เลยแม้แต่นิดเดียวในเรื่องของระยะเหยียบ
อย่างไรก็ตาม แป้นเบรกนี้ยังสามารถควบคุมได้ง่าย เนื่องจากน้ำหนักของแป้นนั้นยังคงมีความ Linear อยู่ เมื่อขับขี่ในระดับปกติ เหมือนกับมีผู้โดยสารตอนหลังที่อยากพักผ่อน การขับให้นิ่มนวลไม่มีแรงสะเทือนนั้นทำได้ง่าย
ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ขับขี่ต้องการทำความเร็ว และใช้เบรกหนักขึ้นมากว่าปกติเสียหน่อย การควบคุมแป้นเบรกให้หน่วงความเร็วได้ตามต้องการนั้นทำได้ยากกว่า และบางครั้งอาจจะทำให้คนขับเบรกลึกมากเกินคาด เพราะระยะเหยียบที่ไม่เสมอกันนั่นเอง แต่ถ้าหากต้องการหยุดรถอย่างทันท่วงทีด้วยการเหยียบเบรกมิดให้ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ทำงาน ตัวรถก็จะหยุดได้ในระยะที่เท่า ๆ กันทุกครั้ง อย่างไรก็ดี คงไม่มีใครที่คิดจะขับเช่นนั้นตลอดเวลา จริงไหมครับ?
ระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ / Safety Features and Driving assistance
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant System
- ระบบรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC
- ระบบรักษารถให้อยู่ในเลน Active Lane Keeping Assist
- ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย และเตือนเมื่อปล่อยมือ Active Steering Assist with Hands-off Warning
- ระบบหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน Emergency Stop Assist
- ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อพบตรวจรถยนต์ จักรยานยนต์ และคนข้ามถนน Active Brake Assist
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Active Blind Spot Assist
- ระบบเตือนขณะเปิดประตูรถ Exit Waring
- ระบบตรวจจับเครื่องหมายจราจร Trafic Sign Assist
- ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENSION ASSIST
- ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE SYSTEM
- ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุสำหรับด้านข้าง PRE-SAFE SYSTEM Impulse Side System
- ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง PRE-SAFE Rear System
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยด้านหน้า สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4 ตำแหน่ง
- ม่านถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง
- ถุงลมเข็มขัดนิรภัย Beltbag
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
- ระบบจำกัดความเร็ว Speedtronic
- ระบบเบรก ABS / EBD / BA
- ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP
- ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชั่น Hold
- ระบบเตือนรถในมุมอับสายตา Blind Spot Assist
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill-Start Assist
- ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน Adaptive Brake Light
- ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชั่น Hold และ Hill Start Assist
- ระบบช่วยเบรก Active Brake Assist
- ระบบเตือนให้นำรถเข้าศูนย์บริการ ASSYST Service Interval indicator
- ระบบเตือนแรงดันลมยาง Tyre Pressure Loss warning system
- ระบบช่วยจอดแบบอัตโนมัติ Active Parking Assist