การตกแต่งภายในห้องโดยสารเน้นไปที่ลวดลายไม้สีดำตัดกับหนังสีดำ มอบสัมผัสที่ดูพรีเมี่ยม มาพร้อมกับไฟ Ambient light ที่สามารถปรับได้มากถึง 64 สีเลยทีเดียว
แม้มองผิวเผนเหมือนจะไม่ต่างกัน แต่ก็มีความต่างกันอยู่บ้างในระดับหนึ่ง เริ่มด้วยระบบเครื่องเสียงที่ฝั่ง GLC 300 e จะให้ชุดลำโพงจาก Burmester มาเลย ส่วน GLC 220 d จะให้ลำโพงดำธรรมดามา

ระบบความปลอดภัย GLC 220 d กับ GLC 300 e 2022
โดยไฮไลท์เด่นระหว่าง GLC 220d และ GLC 300 e ที่ให้มานั่นคือระบบ Adaptive Cruise control ที่ช่วยให้คุณเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบายมากกว่า และระบบช่วยรักษาระยะห่างพร้อมระบบช่วยเบรกด้วย ซึ่งมีการทำงานที่นุ่มนวลมากๆ และดูเป็นธรรมชาติมากๆ ช่วยลดโอกาสขับรถชนท้ายรถคันหน้าได้อย่างดีเยี่ยม
แต่ที่เพิ่มมาของ GLC 220 d นั่นก็คือเรื่องกล้อง เพราะเค้าให้กล้องรอบคัน 360 องศามาเลย ช่วยทำให้ผู้ขับขี่สามารถสังเกตุสิ่งรอบๆ ตัวรถได้อย่างแม่นยำ ส่วน GLC 300 e จะได้แค่กล้องมองหลังเท่านั้น

ระบบความปลอดภัยมาตรฐานติดรถ
- ถุงลมนิรภัยรอบคัน
- ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
- ระบบเบรก ABS
- ระบบ Hold brake
- ระบบเตือนการชน พร้อมระบบช่วยเบรก
- ระบบเตือนมุมอับสายตา
- ระบบล็อกความเร็ว และระบบจำกัดความเร็ว
- ระบบเตือนแรงดันลมยาง
- เซ็นเซอร์รอบคัน
- ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ
ระบบอำนวยความสะดวกมาตรฐาน
- ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
- ระบบไฟสูงระยะไกลพิเศษ 650 เมตร
- โหมดการขับขี่

เครื่องยนต์ Mercedes-Benz GLC 2021
เครื่องยนต์ของ Mercedes-Benz GLC 220 d ใช้เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 1,950 cc ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด มอบพละกำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 7.7 วินาที

เครื่องยนต์ของ Mercedes-Benz GLC 300 e 4 Matic ใช้เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 1,991 cc มอบพละกำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,300-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าพละกำลัง 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร โดยเมื่อใช้การขับเคลื่อนควบคู่กันแล้ว จะมอบพละกำลังสูงสุดถึง 320 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 700 นิวตันเมตรเลยทีเดียว โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 5.4 วินาทีเท่านั้น

Mercedes-Benz GLC สเป็คและราคา
GLC 220 d | GLC 300 e | |
เครื่องยนต์ | ดีเซล 4 สูบเรียง พร้อมเทอร์โบ | เบนซิน 4 สูบเรียง พร้อมเทอร์โบ และมอเตอร์ไฟฟ้า |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 1,950 cc | 1,991 cc |
พละกำลังสูงสุด | 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที | 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที |
แรงบิดสูงสุด | 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที | 350 นิวตันเมตร ที่ 1,300 – 4,000 รอบ/นาที |
กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า | – | 122 แรงม้า |
แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า | – | 440 นิวตันเมตร |
พละกำลังรวมสูงสุด | 194 แรงม้า / แรงบิด 400 นิวตันเมตร | 320 แรงม้า / แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร |
เกียร์ | เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9 G Tronic) | |
ระบบขับเคลื่อน | 2 ล้อหน้า | 4 ล้อ |
อัตราเร่ง 0-100 | 7.7 วินาที | 5.4 วินาที |
ความเร็วสูงสุด | 215 กม./ชม. | 230 กม./ชม. |
GLC 220 d | GLC 300 e | |
ระบบกันสะเทือนหน้า / หลัง | แมคเฟอร์สันสตรัท / ปีกนกคู่ | |
ระบบเบรคหน้า/หลัง | ดิสเบรค พร้อมครีบระบายความร้อน | |
ขนาดยางล้อ | คู่หน้า 235/55 R19 คู่หลัง 235/55 R19 | คู่หน้า 255/45 R20 คู่หลัง 255/45 R20 |
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง | 66 ลิตร | 50 ลิตร |
ราคา | 3,699,000 บาท |
มิติรถ
ขนาด ยาว x กว้าง x สูง (มม.) | 4,655 x 1,890 x 1644 |
การขับขี่ Mercedes-Benz GLC 220 d AMG Dynamic 2021
ในส่วนของการทดสอบขับขี่ Mercedes-Benz GLC 220 d AMG Dynamic ผมทดสอบการขับขี่ทั้งในเมืองและการเดินทางไกลเป็นหลัก เน้นเรื่องของการใช้งานในสภาพจริงว่าเป็นอย่างไร
สัมผัสแรงของตัวรถคือ เป็นรถที่มีทัศนวิสัยการมองเห็นที่ดีเยี่ยม จุดอับสายตาของตัวรถน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่ และยังมีกล้องมองรอบคันแบบ 360 องศาคุณภาพสูงที่ช่วยทำให้การขับขี่ง่ายมากยิ่งขึ้น
ตัวเบาะนั่งไฟฟ้าทรงสปอร์ตหุ้มหนัง Artico ช่วยให้ทุกการเดินทางสะดวกสบาย เพราะว่าเราสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ของตัวเบาะนั่งได้อย่างละเอียด แต่จะมีติหน่อยตรงคอนโซลกลางของตัวรถที่แอบเบียดขาซ้านอยู่พอสมควร ถ้ากว้างกว่านี้จะนั่งสบายกว่านี้เยอะ

พละกำลังของเครื่องยนต์ใน GLC 220 d มีลักษณะที่เน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก เน้นอัตราเร่งที่มาแบบเรื่อยๆ แต่ถ้าเรียกให้เร่งแซงก็กดเป็นมาได้แบบสบายๆ จะขับในเมืองก็จัดว่าง่าย เพราะรถมความนุ่มนวลสูงมากในทุกโหมดขับขี่ หรืออยากได้ฟีลลิ่งที่กระชับหน่อยให้เปลี่ยนไปใช้โหมด Sport ได้เลย เพราะเรื่องความนุ่มนวล ไม่ต่างกับโหมด Eco และ Comfort เท่าใดนัก แต่จะได้ฟีลลิ่งรถที่กระชับกว่าค่อนข้างมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะการขับทางไกล เพียงคิกดาวน์ลงไปครึ่งหนึ่ง รถก็สามารถเร่งแซงได้แบบสบายๆ สไตล์นุ่มนวลแบบผู้ดี

ช่วงล่างของ GLC 220 d ให้ความนุ่มนวลที่ดีมาก หลุม ท่อ บ่อ ถนนมาตรฐานไทย หรือถนนที่รถใหญ่ได้ทำการสร้างงานศิลปะความขรุขระไว้ เจ้าช่วงล่างติดรถก็ซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี โดยฟิลลิ่งของช่วงล่างติดรถจะให้ความนุ่มนวลเป็นหลักมากกว่า
แต่ ข้อสังเกตุใน GLC 220 d จะเป็นเรื่องของอาการ “โยน” ขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว ซึ่งจับอาการได้ค่อนข้างชัดเจนมากๆ โดยอาการโยนโค้งของตัวรถเป็นรูปแบบทั่วๆ ไปของรถยนต์ SUV ยกสูงที่เรามักพบเจอกันเป็นปกติ ไม่ได้โยนจนหวือหว่ามากแต่อย่างใด แต่กับราคานี้ยังพบอาการเช่นนี้อยู่ ก็ถือว่าแอบน่าเสียดายไม่น้อย
ระบบเบรกของ GLC 220 d จัดว่าเป็นระบบเบรกเกรดมาตรฐานของรถยุโรป เป็นระบบเบรกที่ดีมาก เชื่อถือได้ จัดว่าทำงานได้ดี และใช้งานได้ง่ายมากๆ ด้วยเวลาขับในเมืองที่มีการจราจรติดขัด เจอไฟแดงนานๆ เหยียบเบรกให้สุด รถก็จะ Hold brake ให้โดยอัตโนมัติ เท้าเราไม่ต้องออกแรงเหยียบเบรกตลอดเวลา แถมเวลาจะออกตัวก็แค่สะกิดคันเร่งเบาๆ รถก็ไปแล้ว ใช้งานง่ายมากๆ

ระบบอำนวยความสะดวกการขับขี่ ให้มาแบบมาตรฐานด้วยระบบล็อกความเร็ว โดยเรามองว่า รถราคานี้แล้ว “ควรได้ Adaptive Cruise Control เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเสียด้วยซ้ำ” เพราะเจ้า GLC 220 d เป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานเดินทางไกลค่อนข้างมาก กลับไม่มีระบบนี้มาให้ น่าเสียดายมากครับ
และอีกหนึ่งระบบ นั่นคือระบบช่วยรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้า ซึ่งปกติแล้วเจ้าระบบนี้จะทำงานกับ Adaptive Cruise control แต่ของ Mercedes-Benz คุณไม่จำเป็นต้องเปิดระบบล็อกความเร็วแปรผัน ตัวระบบก็ทำงานตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งช่วยลดโอกาสเกิดการชนท้ายโดยไม่ได้ตั้งใจได้ดีมากๆ

การขับขี่ Mercedes-Benz GLC 300 e AMG Dynamic 2022
ภาพรวมทั่วไปของตัวรถทั้งเรื่องมุมมองการขับขี่, เบาะนั่งต่างๆ ของตัวรถ GLC 300 e เหมือนกับรุ่น GLC 220 d ทุกประการ แต่จะมาต่างกันแบบรถคนละรุ่นอย่างชัดเจนก็ตรงเครื่องยนต์นี่แหละ
เครื่องยนต์ของ Mercedes-Benz GLC 300 e AMG Dynamic 2021 ใช้เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่มีพละกำลังมหาศาลมากๆ มีแรงม้าถึง 320 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 700 นิวตันเมตร
หากคุณเป็นคนที่มองหารถยนต์ SUV ที่ใช้งานก็ได้, เที่ยวก็ได้, “ซิ่ง ก็ได้” ประหยัดน้ำมันด้วย แถมเป็นรถไฟฟ้าได้ในตัว เจ้ารุ่นนี้คือคำตอบ

หากจิตใจของคุณเป็นคนที่เร่าร้อนกับการไล่บดขยี้ทุกคันบนท้องถนน เห็นรถสปอร์ต 2 ประตูแล้วคันไม้คันมือ ผมขอยกฉายาเจ้า Mercedes-Benz GLC 300 e AMG Dynamic ว่า “หมก” เพราะด้วยรูปลักษณ์ของมันที่ดูเป็นรถครอบครัว ดูเป็นมิตรมาก แต่ถ้าในโหมดเกรี้ยวกราดอย่างโหมด Sport บอกเลยว่าหากรถคันนี้อยู่ในมือของคนที่มีประสบการณ์ขับรถระดับสูง เหล่ารถสปอร์ตขับโดยมือใหม่ระวัง “โดนแซง” เพราะรถคันนี้สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 5.4 วินาทีเท่านั้น และตัวระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยเสริมพลังให้กับตัวรถนี้ช่วยขับเคลื่อนตลอดเวลาในทุกอย่างความเร็ว
เอาว่าคุณสามารถเร่งแซงรถแช่ขวาในความเร็ว 120 กม./ชม. เร่งขึ้นระดับ 150 กม./ชม. ขึ้นไปได้แบบไม่ต้องลุ้นและไม่ต้องรอนานนัก
แต่อย่าทำเลยครับ ผิดกฎหมายขับรถเร็ว ที่นี่ประเทศไทย ไม่ใช่ Autobahn บ้านเกิดของแบรนด์นี้

และก็ไม่ต้องกังวลว่าขับเร็วขนาดนั้นจะเบรกอยู่ไหม เพราะระบบเบรกในรถคันนี้ใช้จานเบรกที่มีขนาดใหญ่กว่าคู่แฝดของมัน แถมได้ปั้มเบรก AMG มาเลย กดเพียงเบาๆ หัวก็ทิ่มได้ เพราะเบรก GLC 300 e นี่แรงตามรถจริงๆ
เรื่องกำลังของเครื่องยนต์ สอบผ่านฉลุย แถมเหมือนได้รถไฟฟ้าอีกคัน ที่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จ และขับด้วยโหมด Electric ได้ระยะทางสูงสุด 50 กม./ 1 การชาร์จ เอาว่าถ้า 1 วัน คุณใช้รถไม่ถึง 50 กิโลเมตร ก็ลืมไปเลยว่าต้องเข้าปั้มเติมน้ำมัน ขอเพียงแค่หมั่นชาร์จแบตเตอร์รี่ไว้ก็เพียงพอ
และอัตราเร่งในโหมดไฟฟ้านี่ ก็จัดว่าวาร์ปได้ ไม่ได้ขี้เหร่แต่อย่างใด

ช่วงล่างของตัวรถมีความแตกต่างจากตัว GLC 220 d อย่างชัดเจน อาการ “ย้วย โยน เหวอ” ที่พบเจอได้ในตัวดีเซล หายเป็นปลิดทิ้งทันทีในตัว GLC 300 e เนื่องด้วยระบบขับเคลื่อนที่เป็น 4 ล้อ มอบประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่เหนือกว่าเป็นทุนเดิมแล้ว ตัวแบตเตอร์รี่ที่ติดตั้งอยู่ท้ายรถ ก็มีส่วนช่วยทำให้รถมีอาการโยนที่น้อยมากๆ จนแทบจะเท่ารถเก๋งไปแล้ว
แม้จะดูว่าหน้าตาดูบ้านๆ ไม่น่าจะมีเรี่ยวแรง แต่ถ้าได้ลองสักนิดจะติดใจใน Mercedes-Benz GLC 300 e 4Matic AMG Dynamic