ภายในของ Mercedes-Benz E-Class Facelift ปรับเปลี่ยนใหม่เช่นกัน ทั้งตัวเบาะและวัสดุตกแต่งที่เพิ่มทางเลือก หนัง, สีใหม่, ลายไม้หลายรูปแบบ, คาร์บอน และ อะลูมิเนียม พร้อมปรับอารมณ์ผู้โดยสารด้วยระบบ ENERGIZING ที่ควบคุมการปรับแสง, อุณหภูมิ, ดนตรี และ ตำแหน่งเบาะ
พวงมาลัยแบบมีให้เลือกสามแบบ คือ หุ้มหนังล้วน, กึ่งหนังกึ่งไม้ และ supersport ด้านระบบสั่งการด้วยเสียง MBUX ยังคงอยู่ มาพร้อมหน้าจอแสดงผลคู่ ขนาดจอละ 10.25 หรือ 12.3 นิ้ว สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงค่าได้สามแบบ ประกอบด้วย Modern Classic, Sport, Progressive และ Discreet



ขุมพลังของ Mercedes-Benz E-Class Facelift มีทั้งเบนซิน ดีเซล และ Plug-in Hybrid รวม 7 แบบ ไล่ตั้งแต่ 4 – 6 สูบ ในเครื่องยนต์เบนซิน มีพละกำลัง 156 – 367 แรงม้า และ เครื่องยนต์ดีเซล มีพละกำลัง 160 – 330 แรงม้า สำหรับรายละเอียดโดยสังเขปของเครื่องยนต์ที่เปิดเผยแล้ว มีดังนี้
เครื่องยนต์เบนซิน
E 350 / E 350 4MATIC
แบบ 4 สูบ ขนาด 1,999 ซีซี. เทอร์โบ กำลังสูงสุด 255 แรงม้า ที่ 5,800 – 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC 9 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง
E 350e
รหัส M254 แบบ 4 สูบ ขนาด 1,999 ซีซี. เทอร์โบ พ่วงระบบ Plug-in Hybrid 90kW และ ISG (Integrated Starter-Generator) หรือ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่เป็นไดสตาร์ทในตัว พร้อมใช้การเคลือบลูกสูบ NANOSLIDE และ CONICSHAPE เป็นครั้งแรก กำลังสูงสุดทั้งระบบ 315 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC 9 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง


E 450e 4MATIC
รหัส M256 แบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 2,999 ซีซี. เทอร์โบ กำลังสูงสุด 362 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 4,000 รอบ/นาที พ่วงระบบ EQ Boost เพิ่มกำลังจากเครื่องยนต์ 20 แรงม้า พร้อมแรงบิดอีก 180 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC 9 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง
AMG E 53 4MATIC+
แบบ 6 สูบ ขนาด 2,999 ซีซี. เทอร์โบ กำลังสูงสุด 435 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 5,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G 9 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ กระจายแรงบิดแปรผัน AMG Performance 4MATIC+
ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.5 วินาที ในตัวถัง Saloon และ 4.6 วินาที ในตัวถัง Estate ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ สามารถปลดล็อคเป็น 270 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อติดตั้งเพิ่ม AMG Driver’s Package




เครื่องยนต์ดีเซล
แบบ 4 สูบ รหัส OM654 และ แบบ 6 สูบแถวเรียง รหัส OM656 (ติดตั้งพร้อมระบบ ISG ใน E-Class เป็นครั้งแรก) พ่วงระบบ integrated starter-generator (ISG) เพิ่มกำลังจากเครื่องยนต์ 20 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร พร้อมระบบไฟฟ้า 48 โวลต์
Mercedes-Benz E-Class Facelift มีระบบ URBAN GUARD เป็นลูกเล่นใหม่ไว้คอยตรวจจับสิ่งแวดล้อม เมื่อผู้ขับขี่จอดรถยนต์ทิ้งไว้ โดยจะบันทึกหลักฐานพร้อมแจ้งข้อมูลผ่าน Mercedes me ในมือถือ หากพบว่ามีผู้พยายามขโมยรถ, มีวัตถุเคลื่อนไหวในห้องโดยสาร, ถูกเข็นชน หรือ กำลังจะถูกลาก สำหรับระบบความปลอดภัยอื่นที่น่าสนใจ และเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้ขับขี่ มีดังนี้


- Active Brake Assist ระบบลดความเร็วโดยอัตโนมัติ ตรวจจับคนเดินถนน หรือ การข้ามเลนได้
- Active Steering Assist ระบบหน่วงพวงมาลัยเข้าข้างทางเอง เมื่อพบว่าผู้ขับขี่ไม่อยู่ในสภาวะที่จะควบคุมรถได้ ในขณะที่ใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- Active Parking Assist with PARKTRONIC ระบบถอยจอดอัตโนมัติ ได้ทั้งเข้าซองและจอดขนาน
Mercedes-Benz E-Class Facelift เปิดตัวเมื่อวันที่ 3 มีนาคม โดยมีให้เลือกเฉพาะตัวถัง Saloon และ Estate มีกำหนดการเริ่มส่งมอบที่ยุโรป ในไตรมาสที่สามของปีนี้ สำหรับตัวถังอื่นทั้ง Coupé, Cabriolet และ Saloon รุ่นฐานล้อยาวเพื่อตลาดจีน จะตามมาในภายหลัง





ที่มา: Daimler
รถยนต์ที่เขาซื้อล่าสุดคือ Mercedes-Maybach G 650 รถรุ่นหายาก เป็นรถยนต์ประเภท SUV เพียงรุ่นเดียวของแบรนด์ Mercedes-Benz ที่วางจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 1979 และเป็นที่รู้กันดีว่าเหล่าแรปเปอร์มักมีรายได้มหาศาล สามารถซื้อซูเปอร์คาร์สวย ๆ หลายคันไม่ว่าจะเป็น Ferrari ไปจนถึง Lamborghini รุ่นหายาก วันนี้ UNLOCKMEN จึงรวบรวมสุดยอดรถในคอลเลกชันของ Drake มาให้ได้ชมกัน
Mercedes-Maybach G 650
motor1
รถยนต์ SUV มีเพียง 99 คันทั่วโลกและเป็นรถอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ทั้งความหรูหราและการบุกลุยได้ทุกพื้นถนน Mercedes-Maybach G 650 มีพื้นฐานมาจาก G-Class รุ่นฐานล้อยาว ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V12 6.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 630 แรงม้าและทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ
รถคันนี้สามารถเปิดประทุนได้ มีเบาะนั่งรองรับผู้โดยสาร 4 ที่นั่ง พร้อมเบาะหลังแยกที่หยิบยืมมาจาก Mercedes-Benz S-Class Pullman เป็นเบาะนวดที่สามารถปรับอุณหภูมิเบาะได้ และเป็นรถตระกูล G-Class ราคาแพงสุดเท่าที่เคยมีมาด้วยราคา 1,000,000 ดอลลาร์ หรือกว่า 30 ล้านบาท
Mercedes-Maybach S600 Pullman
motor1
Mercedes-Maybach S600 เป็นรถรุ่นพิเศษที่ผลิตออกมาในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของการจำหน่ายลีมูซีน Pullman โดยเครื่องยนต์ของรถรุ่นนี้จะเป็นแบบทวินเทอร์โบ V12 มีปริมาณกระบอกสูบขนาด 6000 ซีซี ให้กำลัง 530 แรงม้า ตัวถังยาวกว่า 5 เมตร ฐานล้อกว้าง 4,418 มิลลิเมตร ทำให้การขับขี่นุ่มนวลและมั่นคง
ภายในตัวรถเป็นเบาะนั่งแบบ 3 แถว หุ้มด้วยหนังและใช้ลายไม้ตกแต่งพร้อมผ้าม่านเพื่อความเป็นส่วนตัว และเครื่องเสียงคุณภาพยอดเยี่ยมจาก Burmester ที่หนุ่ม Drake ได้มาในราคา 500,00 ดอลลาร์ หรือประมาณ 15 ล้านบาท
Ferrari LaFerrari
pixels
highsnobiety
ซูเปอร์คาร์สีเหลืองโดดเด่นจากค่าย Farrari ของหนุ่ม Drake ถือเป็นรถที่แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ในคอลเลกชันของเขา Ferrari LaFerrari ถูกผลิตขึ้นเมื่อปี 2013 และหากต้องการจะซื้อซูเปอร์คาร์คันนี้จะต้องยื่นข้อมูลส่วนตัวให้ทาง Ferrari ประเมินคุณสมบัติก่อนจึงจะสามารถซื้อได้ เช่น คำถามที่ว่าเคยซื้อรถ Ferrari มาแล้วกี่คัน (และคำตอบที่ทาง Ferrari พอใจคือต้องมีอย่างน้อย 5 คัน)
แรปเปอร์หนุ่มสามารถประมูลมามันได้ในราคา 9 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 300 ล้านบาทในปี 2017 โดยเหตุผลที่เขาต้องจ่ายเงินในราคาสูงกว่าตอนเปิดตัวนั่นเป็นเพราะ Ferrari LaFerrari เป็นรถที่จำกัดจำนวนการผลิตโดยเฉพาะกับสีเหลืองที่ผลิตออกมาน้อยกว่าสีแดง จึงทำให้ราคาเพิ่มสูงมากขึ้นทุก ๆ ปี และเมื่อเขาได้รถที่หายากขนาดนี้มาแล้ว ก็ได้นำม้าผยองสีเหลืองของเขาขึ้นเวทีคอนเสิร์ตด้วยในเดือนสิงหาคมปี 2017
Mercedes-Benz SLR McLaren
Instagram
Parkers
Mercedes-Benz SLR McLaren เกิดจากการร่วมมือกันของแบรนด์รถยนต์ที่มีประวัติยาวนานอย่าง Mercedes-Benz กับ McLaren บริษัทในเครือที่ผลิตรถซูเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษ ที่สร้างสรรค์รถยนต์ให้กลายเป็นรถสปอร์ตที่ดิบเถื่อนแบบที่ทั้งสองไม่เคยทำมาก่อนอย่าง Mercedes-Benz SLR McLaren ปี 2003 และด้วยความเท่แบบคลาสสิกนี้เองที่ทำให้ในปี 2010 รถคันดังกล่าวมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 1 ล้านดอลลาร์ หรือราว 36 ล้านบาท และ Drake ก็ซื้อรถยนต์คันนี้มาเมื่อปี 2017
McLaren 675LT
motor1
motor1
ซูเปอร์คาร์สุดเท่ที่เปิดตัวเมื่อปี 2015 จากแบรนด์รถยนต์ McLaren ที่ได้ต้นแบบการดีไซน์มาจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง McLaren 650S แต่ McLaren 675LT จะมีน้ำหนักเบาและดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3,800 cc เพิ่มกำลังจาก 650 แรงม้า เป็น 675 แรงม้า และใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ในการผลิตทั้งคัน
Drake ซื้อซูเปอร์คาร์คันดังกล่าวมาในราคา 300,000 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทย 9 ล้านบาท สำหรับคุณสมบัติที่ทำให้รถคันนี้ติดอันดับรถหายากในคอลเลกชันของเขานั่นเป็นเพราะ McLaren 675LT ผลิตออกมาเพียง 500 คันทั่วโลกเท่านั้น
Rolls-Royce Phantom
UpscaleHype
Car and Driver
Rolls-Royce Phantom คือรถยนต์สุดหรูที่เปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 1925 แต่ก็ยังคงเป็นรถที่ได้รับความนิยมสำหรับเหล่าเศรษฐีไม่เสื่อมคลาย ถึงแม้รถตระกูลแฟนท่อมอาจจะไม่ได้เป็นรถยนต์รุ่นหายากเหมือนรถคันอื่น ๆ ที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ แต่ Rolls-Royce Phantom ราคา 800,000 ดอลลาร์ ของ Drake ถือเป็นรถยนต์คันโปรดที่เหล่าแฟนคลับจะต้องเคยเห็นผ่านตาสักครั้งอย่างแน่นอน เพราะแรปเปอร์หนุ่มมักลงรูปรถคันนี้บน Instagram อยู่บ่อยครั้ง เพราะแฟนท่อมคันนี้ Drake ได้เลือกสีและวัสดุตกแต่งรถเองทั้งภายนอกและภายใน อย่างเช่นการทำให้เพดานรถกลายเป็นอวกาศที่เต็มไปด้วยดวงดาว จึงถือว่าเป็นรถยนต์ในคอลเลกชันของ Drake ที่ไม่สามารถมองข้ามได้
Lamborghini Aventador Roadster
youtube
youtube
ค่ายรถยนต์สัญชาติอิตาลีที่มีฉายาว่ากระทิงดุก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์รถที่ Drake เลือกให้มาอยู่ในคอลเลกชัน รุ่นที่เขามีคือ Aventador Roadster สี Gray Black
นอกจากนั้นเขายังเลือกตกแต่งรถให้ไม่เหมือนใครด้วยการใช้ล้อแม็กซ์ของ HRE wheel ที่ออกแบบโดย Tony Bet ศิลปินสัญชาติเดียวกันกับเขาอีกด้วย
Aventador Roadster มีรูปทรงคล้ายกับรถของ Batman ฮีโร่แห่งรัตติกาลโดยกระทิงดุคันนี้มีราคาราว 500,000 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 15 ล้านบาท และ Drake ก็นำซูเปอร์คาร์สุดเท่ไปเข้าฉากเอ็มวีเพลง Why You Always Hatin? ของ YG ที่เขาได้ร่วมร้องเพลงและอยู่ใน MV เช่นกัน