• Movie 187
  • Movie 66
  • Sample Page
  • รีวิวหนังดี 294 – P1
  • รีวิวหนังดี 294 – P2
  • รีวิวหนังดี 294 – P3
reviewfilm.dailync91news.live
No Result
View All Result
No Result
View All Result
reviewfilm.dailync91news.live
No Result
View All Result

N80ภาพยนตร์โรแมนติกละครไทยที่ดีที่สุด 2024

admin79 by admin79
April 14, 2025
in Uncategorized
0
N80ภาพยนตร์โรแมนติกละครไทยที่ดีที่สุด 2024

Commander CHENG : ผมคุ้นกับไอ้เจ้ารถรุ่นนี้มาก เพราะตั้งแต่ผมเกิด ก็ได้มันนี่แหละเป็นรถสองแถวเข้าออกปากซอยชินเขตทุกวันหยุด

J!MMY : ใช่ จริงๆแล้วกระบะ Familia มันคือ รถกระบะที่ดัดแปลงมาจาก รถเก๋ง Familia ต้นตระกูล Mazda 323 นั่นเอง เราคิดว่าเก่ากันขนาดไหนหนะเรอะ? กระบะมังกรทองของ Isuzu น่ะ ลากขายตัวถังเดิมแล้วไมเนอร์เชนจ์ไปกันเรื่อยอยู่ 14 ปี? นานแล้วรึ Sunny FF 13 ปี นานแล้วรึ? Familia นี้ถ้าย้อนกันจริงๆนี่จำความแทบไม่ได้เลยว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมค้นโบรชัวร์อันเก่าสุดที่มีในบ้าน เจอเป็นโบรชัวร์ปี 1975! และโบรชัวร์อันสุดท้ายก็คือปี 95 โดยตัวรถจริงๆแล้วมีลากขายกันไปจนถึงปี 97 จนกว่าจะหมดสต็อค เป็นการใช้ Main design ของรถรุ่นเดียว ปรับโน่นเปลี่ยนนี้ลากขายได้นานถึงกว่า 25 ปี!

โดยในตอนแรก ชื่อที่ใช้ในการทำตลาดคือ Mazda 1000 Pick-up และ Mazda 1200 Pick-up ซึ่งตัวเลขสี่หลักนั่นก็บ่งบอกถึงซี.ซี.เครื่องนั่นเอง
ตำแหน่งทางการตลาดในช่วงแรก Mazda ใช้รถรุ่นนี้เพื่อกวักมือเรียกลูกค้ากลุ่มที่ต้องการใช้รถปิกอัพเพื่อการบรรทุก แต่ไม่ใช่บรรทุกหนัก เป็นรถสำหรับบรรดานักธุรกิจท้องถิ่น พ่อค้าและแม่ค้าทั่วไป อาศัยความประหยัดจากขนาดที่เล็ก น้ำหนักเบา และเครื่องยนต์ซี.ซี.น้อย ทำให้เป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางในยุคที่เกิดวิกฤตการณ์น้ำมันแพง ในช่วงหลังนั้นมีการเพิ่มเครื่องยนต์ขนาด 1,300 ซี.ซี. และเกียร์กระปุกเข้ามา

ในช่วงปี 1989-90 หลังจากผ่านวิกฤติน้ำมันมาจนคนลืมกันไปหมดแล้ว Mazda เดินหน้าปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้กับ Familia โดยเปลี่ยนจากรถประหยัดเน้นการใช้งาน มาเป็นรถที่มีความอเนกประสงค์สามารถพึ่งพาได้มากขึ้น ลองสังเกตดูจากตัวโฆษณาข้างบนนี่ก็ได้ว่ามีใครอยู่ในนั้น นั่นคือสิ่งที่ Mazda พยายามสร้างความเข้าใจให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายว่าใครก็ขับได้ ไม่ว่าจะแก่หรือวัยรุ่น สาวหรือชาย แต่ Mazda ต้องการยกระดับจากรถประหยัดเพื่อการใช้งาน เป็นรถที่ใครๆสามารถขับไปไหนมาไหนแล้วดูโก้ได้ ล้อรถถูกเปลี่ยนให้มีลวดลายเก๋ไก๋เหมือนล้ออัลลอย (แต่จริงๆแล้วเป็นเหล็กนี่แหละ!) สติกเกอร์ลายกราฟฟิคคาดด้านข้างให้ดูทันสมัยขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มตัวถังแบบมีแค็บหลัง โดยให้ชื่อเรียกว่า “Supercab” เพราะในยุคนั้นกระบะพิกัดใหญ่กว่าอย่าง Isuzu Faster Z ก็สามารถขยายฐานลูกค้าไปสู่คนทั่วไปได้ด้วยการมีแค็บนี่ล่ะ

Commander CHENG : พอมาถึงจุดนี้ข้าพเจ้าเริ่มจำได้แล้วล่ะ ในช่วงนั้นกำลังเป็นเด็กประถมปลายบ้ารถอยู่ เคยดูทีวีแล้วเห็นน้าแอ๊ด คาราบาวของเรานี่แหละเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ Mazda Familia Supercab “เป็นเพื่อนคู่ใจของผม ไปทุกแห่งหนทั่วประเทศ” (ด้วยดรัมเบรค 4 ล้อ..พิมพ์ไม่ผิด)เท่ห์มาก รู้สึกว่าภายในก็เปลี่ยนลุคใหม่ คอนโซลสวยขึ้น พวงมาลัยสวยขึ้น  มีเกียร์ 5 สปีดกับเขาแล้วด้วย แล้วจากนั้นทำไมจู่ๆ Familia ของเราหายไปซะล่ะ?

J!MMY :  กับรถที่ขายมาได้ 17 ปีดีดักในตอนนั้นก็ต้องมีวันร่วงโรยบ้างสิคร้าบบ Mazda เริ่มเปลี่ยนตำแหน่งทางการตลาดของรถอีกครั้งโดยหันไปจับลูกค้าประเภทที่กำลังมองหารถคันแรกในชีวิตอยู่ ซึ่งก็พอขายไปได้เรื่อยๆแต่ไม่โด่งดังเปรี้ยงปร้างเหมือนวันเก่าก่อน เพราะในที่สุดลูกค้าส่วนมากที่อยากได้รถคันแรก ก็จะอยากได้รถเก๋ง ถึงแม้ Familia จะมีราคาถูกมากในวันนั้น แต่ลูกค้าก็ยังยินดีที่จะขวนขวายหาเงินเพิ่มเพื่อให้ได้รถอย่าง Lancer Champ III หรือ Sunny FF เพราะยังไงๆภาพลักษณ์กระบะก็ยังไม่เข้ากับชีวิตคนเมืองที่ทันสมัย หมัดสุดท้ายของ Mazda ก่อนปล่อยให้ Familia ล้างมือในอ่างทองเหลืองก็คือการไมเนอร์เชนจ์ครั้งสุดท้ายประมาณปี 1995 ที่เปลี่ยนมือจับเปิดประตูให้ดูเหมือนรถเก๋ง (ของเดิมเป็นดีไซน์เก่าจากยุคเซเว่นตี้) ปรับเครื่องยนต์เป็นขนาด 1.4 ลิตร และเพิ่มตัวถังแบบ Maxicab ที่มีเพดานสูงโปร่งโล่งผิดปกติ และตัวแค็บที่กว้างให้นั่งได้ 4 คนจริง จากนั้นโหมโปรโมตโดยใช้แนวคิดรถกระบะขนาดเล็ก ภายในไม่เล็ก สำหรับครอบครัวโดยเฉพาะ สโลแกนของเขาคือ “สีสันของครอบครัว”

ซึ่งนั่นล่ะเป็นสีถังสุดท้ายที่ Mazda บรรจงทาใส่ Familia ก่อนที่รถรุ่นนี้จะเลิกผลิตเพราะขายไม่ออก

———————————————————————————-

Mazda 323 Astina: ไอค่อนขวัญใจวัยรุ่นไทย กับยุคสมัยที่ Mazda แซง Honda บนทางตรง!

J!MMY : รถรุ่นนี้ เปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ 1990 ที่สวนอัมพร ด้วยความเซอร์ไพรส์ชนิดหักปากกาเซียน เพราะไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า กิจกมลสุโกศล คนขาย Mazda ในตอนนั้น จะกล้านำรถรุ่นนี้ ซึ่งด้านหน้าแหลมยังกะรถสปอร์ตด้วยไฟป๊อบอัพ แต่ด้านท้ายกลับเป็นรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูทรงครอบครัว ผสมกันได้แปลกแต่ดันลงตัว แถมแรงม้าก็สูงตั้ง 140 ตัว เยอะกว่าเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่มี 125 ตัว (ก็บ้านเรายังไม่มีกฎหมายให้ติดตั้ง ระบบฟอกไอเสีย แคตาไลติก คอนเวอร์เตอร์ ณ เวลานั้น)

สเป็คข้าวของที่ได้ใช้แทบจะเอามาจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเลยที่เดียว ในช่วงแรกที่ประกอบขายนั้นราคาจะสูงหน่อยคืออยู่ประมาณ 700,000 บาท แต่หลังจากมีการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ บวกกับโปรโมชั่นโหมหนักของ Mazda ก็ทำให้ราคาร่วงลงมาอยู่ที่ 5 แสนปลายๆเท่านั้น ซึ่งไม่ได้แพงกว่ารถบ้านขนาด 1.6 ลิตรเท่าไหร่ แต่แรงกว่ากันมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะต้องโดนใจวัยโจ๋อย่างจัง วัยรุ่นยุคพาเลซตอนปลายหลายคนจะมีความหลังกับมัน ทั้งเป็นเพื่อนขาซิ่งและเพื่อนล่าสาว แต่ส่วนใหญ่อายุรถจะไม่ค่อยยืนเพราะคนเหล่านั้นจะพามันไปมิดเป็นประจำ ในช่วงปลายอายุการตลาดมีการนำมาติดเครื่องกรองไอเสียเพื่อช่วยลดมลพิษ แรงม้าก็เลยลดลงไปเหลือ 125 แรงม้าเท่าญี่ปุ่น แต่มีการติดเบรค ABS มาให้ รถพวกนี้ถ้าสังเกตจากข้างหน้าจะพบว่าอักษรภาษาอังกฤษคำว่า Mazda จะหายไป แต่กลายเป็นโลโก้ใหม่ทรงกลมของทางค่ายแปะอยู่ข้างหน้าตรงกลางแทน

Commander CHENG : ถ้าใครจำหนังเรื่อง สะแด๋วแห้ว เจอะแจ๋วแหววได้ รถคันนี้ก็ถูกใช้ใช้ในเรื่องนั้น (แม้ปรากฏตัวเพียงครู่เดียว) แน่นอนวัยรุ่นต้องชอบ เครื่อง BP รอบจัด เกียร์ธรรมดาอัตราทดจัด ผมเคยขับเจ้านี่ในสภาพเดิม ใช้เกียร์ห้าอัดรวดเดียวจาก 160 ไป 210 ก็ขึ้นเร็วใช้ได้ ในสมัยนั้นรถเล็กที่จะเอามันลงเห็นจะมีแต่ Lancer GTi ตัวนำเข้านี่ล่ะที่สเป็คใกล้เคียงกันมากที่สุด Sentra RZ-1 สู้มันได้แค่ 2 เกียร์ เช่นเดียวกับ Corolla GTi น่าจะเอาคืนวันแบบนี้กลับมาให้ Mazda อีกครั้งนะ เด็กสมัยนี้จะรู้ไหมว่าเคยมีครั้งหนึ่งที่ Mazda แซงเพื่อนร่วมรุ่นได้โดยไม่ต้องใช้ทางโค้งเข้ามาช่วย เล่นมันตรงๆ แซงมันตรงๆแบบนี้ล่ะไอค่อนแห่งวัยรุ่นไทยบ้าพลังของช่วงต้นยุค 90 ส่วนที่ว่ามิดกันบ่อยนั้น..สงสัยน่าจะเป็นความคะนองของคนขับนะ แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ ความท้ายสั้นของรถรุ่นนี้ทำให้บางครั้งเมื่อวิ่งเร็วๆเหมือนมันเกาะไม่ค่อยจะอยู่ แต่นั่นหมายถึงต้องเร็วระดับ 180-190 นะ เพราะถ้าเป็น 120-140 ไม่ต้องห่วง ไอ้หมอนี่ มันนิ่ง อย่างกับ เด็กนั่งดริงค์โดนโปะยาสลบ (แค่เปรียบเฉยๆนะ ไม่เคยทำจริงๆ สาบานได้)

———————————————————————————-

Mazda Cronos : บทเรียนให้คู่แข่งว่าราคาถูกและแรงม้าเยอะไม่ใช่หนทางสู่ชัยชนะเสมอไป

Commander CHENG : Cronos ก็คือ 626 นั่นเอง เปิดตัวในช่วงปลายปี 1992 ภายใต้สโลแกน “เอกลักษณ์แห่งความเหนือชั้น” มันคือไพ่ใบสุดท้ายที่ Mazda ฝากความหวังเอาไว้เป็นอย่างมากในการกอบกู้ยอดขายให้กับตนเอง เพราะในขณะที่คู่แข่งมีรถ D-Segment ที่ขายดีเป็นแถมฟรีบวกเททิ้งทั้ง Accord, Cefiro และ Corona ทาง Mazda กลับพบอาการง่อยรับประทานกับยอดขาย 626 รุ่นเก่าที่เหมือนจะทันสมัย เพราะมีช่วงล่างหลังปรับมุมองศาตามการเลี้ยว TTL-Intra 4WS เลี้ยวสี่ล้อ แต่กลับใช้เครื่องคาร์บิวเรเตอร์ 1.8 ลิตร 90 แรงม้าเหมือนรถยุคกลาง แม้ในภายหลังจะมีรุ่น 2.0ลิตรหัวฉีดมาให้ใช้ ก็สายเกินจะแก้แล้ว ปี 1992 นั้นเหมือนปีชี้เป็นตายของ Mazda เพราะ 323 Sedan ที่เอาไว้จับตลาดรถบ้านทั่วไปก็ทำยอดขายได้น้อย Astina แม้จะเป็นรถแรง แต่ก็จับตลาดได้ในหมู่คนเท้าหนักและวัยรุ่น หลังจากที่รัฐบาลออกนโยบายลดกำแพงภาษีนำเข้า Mazda นำ 929 เข้ามาขาย และแป้กไม่เป็นท่า

ดังนั้น Mazda จึงสั่งนำเข้า Cronos มาขายทั้งคัน และรวบรวมดราก้อนบอลทุกลูกเพื่ออธิษฐานกับเทพมังกือ ว่าขอให้มันขายได้เถอะวะ แล้วปรากฏว่า
ไม่ใช่แค่ขายได้..กลายเป็นขายดี เป็นรถยอดนิยม เป็นรถที่ผู้คนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น Mazda ทำได้ทั้งๆที่ Cronos ไม่ใช่รถที่แรงอะไรเลย แม้จะมี 16 วาล์วเหมือนชาวบ้านเขาแต่ก็มีม้าแค่ 115 ตัว (626 Hatchback รุ่นที่เพิ่งเลิกขายไปยังมีให้ตั้ง 148 ตัว) Galant GTi มี 148 ตัว, Accord และ Corona ต่างก็พกม้ากันไม่ต่ำกว่า 130 ตัว ทั้งนั้น..แล้วยังมีเรื่องราคาอีกต่างหาก Cronos รุ่น 4 ประตูที่ถูกที่สุด มีราคา 835,000 บาท และตัวท้อป 5 ประตูเกียร์อัตโนมัติขายอยู่ที่ 910,000 บาท แพงหรือไม่? ในปี 92 Accord ตัวท้อปราคา 7.9 แสน Cefiro 12 วาล์ว A/T 7.9 แสน และ BMW 318i ราคา 9.9 แสน

J!MMY : ก็คงไม่แปลก เพราะต้องไม่ลืมสิว่าคนไทยน่ะ นอกจากยึดติดกับแรงม้ากับราคา ก็ยังมีกลุ่มที่ยึดติดกับรูปลักษณ์และค่านิยมความเป็นรถนำเข้า จำไม่ได้เหรอว่าในยุคนั้นคนไทยเห่อนิยมรถนำเข้ากันยังกะเด็กเห่อขนหน้าแข้ง Cronos ตอบโจทย์ทั้งสองอย่างนี้ได้แบบเต็ม 100% คงไม่เถียงใช่ไหมว่า Cronos เป็น D-Segment ที่ได้รับการยอมรับว่าสวยที่สุดในยุคนั้น ในรุ่น 5 ประตู รูปทรงดูโฉบเฉี่ยวเทียบได้กับ Cefiro สบายๆ แต่ภายในของรถกลับทำได้ดีกว่าทั้งในเรื่องการจัดพื้นที่ วัสดุ และการจัดวางอุปกรณ์ Cronos ยังมีเครื่องปรับอากาศมาพร้อมช่องแอร์สวิงซ้าย-ขวาได้แบบอัตโนมัติ (แต่กลับไม่มี mode Auto สำหรับความแรงและทิศทางลม) นอกจากนี้ใครชอบขับรถเที่ยวก็จะชอบ Cronos เพราะมีการติดตั้ง Cruise Control มาให้ด้วย เจ๋งหรือเปล่าล่ะ?

Commander CHENG : โอเคงั้นคงไม่แปลกที่จะขายได้ และกลายเป็น “Another day in paradise” ของ Mazda..ซึ่งก็ใช้เพลงของ Phil Collins เพลงนี้ในโฆษณาทีวีของ Cronos ด้วย ทั้งในไทย และในญี่ปุ่น กิจกมลสุโกศล Mazda ได้เสวยสุขบนสวรรค์ไปอีกพักใหญ่ เพราะ Cronos นี่ล่ะส่งยอดขายของ Mazda ให้เพิ่มจาก 1,327 คันในปี 1991 พรวดขึ้นเป็น 4,957 คันในปี 1992 ทั้งๆที่ Cronos เพิ่งจะเปิดตัวช่วงปลายปีด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องแรงม้าน้อยนั้น ในช่วงท้ายๆของอายุตลาด Mazda เอาเครื่อง V6 บล็อคเดียวกับ Lantis มาใส่ให้ Cronos ได้ม้าเพิ่มเป็น 145 ตัว แต่กลับสร้างยอดขายได้ไม่มากนักและถือเป็นรถหายากในทุกวันนี้

J!MMY : ใช่ เพราะในตลาดมือสอง คนจะเมิน Cronos กัน เพราะราคาอะไหล่แพงหูตูบ เพราะอะไหล่ทั้งหมดต้องนำเข้าจากเมืองนอก ลูกเดียว แน่ละ ตัวรถทั้งคัน ก็นำเข้ามาจากญี่ปุ่นนี่นา

———————————————————————————-

Mazda MX-5 (NA): โรดสเตอร์ตัวจริง ซิ่งได้ สวยได้ ซื้อหาได้สบาย ไร้ปัญหาปวดหัว

J!MMY : นี่ล่ะ คือสุดยอดรถที่นำเอาความคลาสสิคแบบโรดสเตอร์ขนานแท้มารวมเข้ากับเทคโนโลยียุคใหม่แล้วออกมาเป็นรถที่เรียกได้ว่าฮิตไปแทบจะทุกที่ที่มันเข้าไปทำตลาดแถมยังกวาดรางวัลมาทั่วจากอเมริกา ยุโรป หรือแม้แต่ประเทศที่คนจงรักภักดีในรถบ้านเกิดตัวเองอย่างเยอรมัน ดังนั้น Mazda ในสมัยนั้นซึ่งอยู่ในมือของกลุ่มกิจโกมล สุโกศลจึงตัดสินใจนำเข้ามาขายแบบสำเร็จรูปโดยตั้งราคาไว้ที่ 802,500 บาท ในบรรดา MX-5 สเป็กส่งออกทั้งหมด จะมีเวอร์ชันไทย เท่านั้น ที่จะมีหลังคาแข็งแบบถอดออกได้มาให้ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ซึ่งถ้าถอดออกแล้วก็จะมีหลังคาผ้าใบกางและเก็บด้วยมือไว้กันร้อน

แน่นอนละ มันไม่สะดวกสบายเหมือนรถเปิดประทุนสมัยนี้ที่มีหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ แต่นั่นก็เป็นข้อดีเพราะไม่ต้องแบกชุดมอเตอร์ขับเคลื่อนใดๆ ไม่ต้องคิดทฤษฎีมาขายของอะไรมาก Jinba Ittai เอย กรรม.เอ้ย! Gram Strategy เอย แค่ทำรถขับหลังที่กระจายน้ำหนักดี มีรูปแบบเรียบง่าย ไม่ต้องใช้พลังเครื่องยนต์มากมายมหาศาล นี่คือรถที่ขับสนุกได้ทุกที่ ขับไปทำงานได้ทุกวัน ขับเที่ยวก็ได้ ไม่เปลืองน้ำมัน แถมสมัยนั้น MX-5 ขับผ่านทีไรคนเหลียวมองกันคอแทบเคล็ด ลงทุนไม่ถึงล้าน ได้สิ่งที่ว่ามานี่คิดว่าคุ้มไหมล่ะ?

Commander CHENG : คุ้มสิ อันนี้เห็นด้วยนะ แม้มันจะไม่ใช่รถสปอร์ตชนิดที่เราเห็นกันได้ทุกวันก็เถอะ MX-5 คือรถที่สตาร์ท Trend รถประเภทเปิดประทุนให้กลับมาเฉิดฉายในบ้านเมืองแดดเปรี้ยงอย่างประเทศไทย แน่นอนบางคนต้องเถียงว่ามันมีรถเปิดประทุนเข้ามาในไทยตั้งนานแล้วนี่หว่า แล้วรถพวกนั้นผมถามจริงๆเหอะว่าค่าตัวเท่าไหร่? หรือใครจะนึกถึง MG เปิดประทุนจากยุคจูราสสิก? ลองเอามาวิ่งรอบกรุงเทพผ่านสีลม สาธรตอนชั่วโมงเร่งด่วนกันสักรอบดีกว่าแล้วจะรู้ว่า MX-5 คือโรดสเตอร์ที่เชื่อถือได้ และมันไม่ใช่การนำเอารถจ่ายกับข้าวมาหั่นหลังคา เพราะโครงสร้างทุกส่วน ช่วงล่าง ฟีลลิ่งพวงมาลัย หรือคันเกียร์ธรรมดา 5 สปีดที่สั้นกุดแต่เข้าเกียร์ได้คล่องด้วยการพลิกข้อมือ ช่วงล่างอิสระปีกนกคู่ทั้ง 4 ล้อ แท่นยึดระหว่างชุดเกียร์กับเฟืองท้ายเพื่อลดการสั่นของระบบขับเคลื่อน ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ (ยกเว้นเครื่องยนต์)

MX-5 เป็นรถที่ใช้ประกาศความภาคภูมิของวิศวกร Mazda ได้อย่างเต็มอก (นอกเหนือจากความพยายามต่อยอดเทคโนโลยีเครื่องยนต์โรตารี) สิ่งเดียวที่ผมไม่ค่อยชอบ (แต่คนอื่นรับได้) คือมันควรได้รับเครื่องที่มีพลังมากกว่านี้ Mazda ก็สนองตอบให้โดยการนำเครื่อง 1.8 ลิตรมาใส่ในภายหลัง และ..คุณพระช่วย จะบอกว่าเคยขับมาแล้วครั้งนึงในชีวิต มันสนุก! ใช่! ประมาณนี้เลย แถมราคาก็ไม่ได้แพงขึ้นมาก จ่าย 863,000 บาทคุณก็เป็นเจ้าของตำนานเคลื่อนที่ทรงสวยได้เลย

โมเดลเชนจ์หลังจากนั้นได้เครื่อง 2.0 ลิตรที่ทรงพลังมากขึ้นไปอีก แต่น่าเสียดายที่ MX-5 ยุคหลังๆโตขึ้น หนักขึ้น ผู้ดีขึ้น จนทำให้ผมคิดถึงบุคลิกที่ซน ร่าเริงและสนุกสนานของ MX-5 ตัวถัง NA ตัวแรกเอามากๆ

———————————————————————————-

Mercedes-Benz W124: เบนซ์พันธุ์แท้ สร้างแฟนพันธุ์แท้ ให้กับรถหรูของแท้ที่ทนจนลือชื่อ

Commander CHENG: คงไม่มีใครปฏิเสธว่าถ้าหากพูดถึงรถที่สามารถใช้บ่งบอกฐานะได้ดีและเป็นที่นิยมที่สุดจากยุค 90 ก็คือ W124 รายละเอียดบางส่วนเช่นการเก็บขอบรางน้ำฝน มุมไฟและบังโคลนหน้า สร้างพื้นฐานในการออกแบบรถใหม่ๆที่ตามมา ในประเทศไทย มันสร้างชื่อเอาไว้กับความทนทานด้วยวัสดุที่เลือกสรรมาอย่างดี และยิ่งถ้ามุดดูช่วงล่างแล้วจะเห็นว่าทุกอย่าง หนา หนัก ใหญ่ พลังของเครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งแบบใจเย็นกับเครื่อง 4 สูบ และมีเครื่อง 6 สูบสำหรับคนใจร้อน ที่อยากถามเบนซ์มากคือคิดยังไงที่ยุคแรกใช้หัวฉีดกลไกกึ่งไฟฟ้าฝาสูบ 2 วาล์วต่อสูบ แล้วจู่ๆก็ข้ามขั้นมาเป็นหัวฉีดไฟฟ้า Bosch FHM เอ้ย! HFM (Hot Film Management) มี 4 วาล์วต่อสูบ แถมมีแค็มแปรผันอีกต่างหาก

และในยุคฟองสบู่ยังไม่แตกนั้นก็ไม่น่าแปลกใจที่เราจะพบเห็นรถเครื่อง 6 สูบได้มากพอกันกับบล็อคเล็กๆ จุดเด่นที่เป็นที่ชอบของผู้ขับนอกจากความทนทานแล้ว ยังมีนิสัยของช่วงล่างที่เสถียร มีตัวรถที่ออกแบบมาให้วิ่งด้วยความเร็วสูงได้โดยไม่เครียด สามารถรองรับพละกำลังเครื่องยนต์ได้มาก เพียงแต่อย่าคิดเอามันไปเล่นในสนามแข่งเล็ก ที่ซึ่งพวงมาลัยลูกปืนหมุนวนอันเฉิ่มแฉะของมันนั้นยากต่อการคุมให้ได้ดังใจอยู่บ้าง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรสามารถหยุดมันจากการเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งมีของยุคฟองสบู่แตก ซึ่งทำให้มันเป็นรถที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ยุคหลังของวงการรถในไทย

J!MMY : ใช่ หรือแม้แต่กระทั่งตำนาน Airport Taxi วิ่งฉิวจนพลีชีพกับ E200 ดีเซลสีขาวบนโทลล์เวย์ในยุคดอนเมือง ยังอึกทึก ก็นี่ล่ะมัน 124 ถึงฝรั่งจะขนานนามให้ W140 เป็น “The Last Over-engineered Mercedes” แต่ถ้าพูดถึง “เบนซ์ตัวสุดท้ายที่ทนทานไม่จุกจิก” มันคงต้องเป็น 124 อีกนั่นแหละ เห็นแล้ว อยากได้ตัว 300CE ชะมัด!

———————————————————————————-

Mercedes-Benz S-Class (W140-V140): เบนซ์รุ่นสุดท้ายที่ต้นทุนไม่ใช่ปัญหา (แต่ค่าซ่อมอั๊วะไม่รู้นะ)

Commander CHENG: ยุค 90 เป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองจอมปลอมทางเศรษฐกิจที่เมื่อประกอบด้วยการเปิดอิสระเสรีทางภาษีรถนำเข้า ทำให้รถมากมายหลั่งไหลเข้ามาให้คนได้เลือกรวมถึง S-Class คันโตเท่าตึกเช่นรถรุ่นนี้ที่แม้กระทั่งรุ่น V8 ก็ยังมีราวที่ราว 6 ล้านบาทกลางๆเมื่อตอนเปิดตัวใหม่เท่านั้น นวัตกรรมทางด้านความปลอดภัยก็สูงขึ้นกว่ารถรุ่นก่อนๆมาก อุดมไปด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เจ้าของบางคนยังไม่เคยใช้ด้วยซ้ำ กลายเป็นว่าพอนานวันเข้า ประตูที่เคยดูดให้ปิดสนิทเองได้ก็ไม่ดูด แอร์รวน ตู้แอร์รั่ว สวิทช์ไฟฟ้าใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง และราคาค่าซ่อมของมันในยุคที่อินเทอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายนั้นเรียกว่าฟันกันหัวแบะ เสี่ยบางท่านที่บ้านมีทั้ง W124 และ W140 พบว่ามันง่ายกับชีวิตพวกเขามากกว่าที่จะขายรถคันใหญ่กินเงินทิ้ง และเก็บรถทรงโบราณกว่า เก่ากว่า เล็กกว่าไว้เพราะมันกินเงินน้อยกว่านั้นเอง

อย่างไรก็ตามทุกวันนี้เรายังสามารถพบเห็น S-Class ขนาดยักษ์รุ่นนี้ได้บ่อย และอย่าแปลกใจที่รุ่น 6 สูบจะมีราคาแพงกว่า 8 สูบเสียอีก อย่างไรก็ตาม หากเราจะบอกว่า W124 เป็นสัญลักษณ์แห่งฐานะ W140 นี้ก็จะเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงฐานะที่สูงกว่า และแฝงด้วยพลังอำนาจอีกต่างหาก อย่าแปลกใจถ้ามันจะเป็นขวัญใจของนักการเมืองระดับสูง ผู้บริหาร และผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลาย คุณคิดว่าไอ้คำว่า “อัครยานยนต์” มันเริ่มใช้กับรถรุ่นไหนเป็นรุ่นแรกกันล่ะครับ? ทุกวันนี้ราคามือสองถูกกว่า Jazz ใครอยากได้ ยกมือเลย..แล้วไปซื้อเอาเอง

J!MMY: เห็นด้วยเรื่องความเป็นเจ้าพ่อ S-Class แม้ในสภาพเดิมๆเอามาใช้ขับไปไหนมาไหนก็บ่งบอกได้ว่าผู้ที่ขับอยู่ไม่ธรรมดา ชาว headlightmag จำนวนไม่น้อยโหวตให้ S-Class สีดำติดฟิล์มดำเป็นรถที่ดูเป็น “เจ้าพ่อ” มากที่สุด S-Class รุ่นนี้เป็นรถที่กินงบประมาณในการพัฒนาไปมาก เรียกว่าใช้งบ R&D เกินที่กำหนดไว้ในขั้นแรกเสียอีก อุปกรณ์และความปลอดภัยนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่กระนั้นก็ยังไม่ดีพอที่จะช่วยชีวิตเจ้าหญิงไดอาน่าเอาไว้ได้ (ก็คืนนั้น เจ้าหญิงประทับที่เบาะหลัง แถมไม่คาดเข็มขัดนิรภัย อีกทั้งความเร็วตอนปะทะกับอุโมงค์หนะ มันใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่)

———————————————————————————-

Mercedes-Benz W201: เบบี้เบนซ์ ทารกหน้าแก่ พลิกประวัติศาสตร์ตลาดพรีเมี่ยม

J!MMY : นี่เป็นรถที่สร้างประวัติศาสตร์ของเบนซ์ในเมืองไทยรุ่นหนึ่งทีเดียวล่ะ ใครจะไปนึกว่า รถที่เปิดตัวในเมืองนอกมา 10 ปี จนจะตกรุ่นอยู่แล้วแล้วจะมาขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในเมืองไทย พอรัฐบาลยุค คุณอานันท์ ปัณยารชุน เปิดนำเข้าเสรี เบนซ์เมืองไทยก็ไปขนเอา 190E 1.8 กับ 2.3 ที่เหลือสต็อคมาจากเมืองนอก แล้วมาเทระจาด ขายในไทยด้วยราคาแค่ล้านต้นๆ ผลที่ได้คือยอดขายพุ่งกระฉูดปรู๊ดปรี๊ด จนต้องสั่งรถเข้ามาเพิ่มซ้ำแล้วซ้ำอีก รวมแล้วมากถึง 5,000 คัน! งานนี้ ฝรั่งเยอรมัน ยังต้องทึ่ง ถึงขนาดยกโขยงบินมาตรวจสอบด้วยตัวเองว่า “มันเกิดอะไรขึ้นที่เมืองไทยวะเนี่ย” 190E เป็นรถที่ทำให้สมาชิกลัทธิบูชาดาวสามแฉกของบ้านเรา สรรหามาเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น จนแพร่หลายมาก ทุกวันนี้ยังพอจะเห็นวิ่งกันอยู่ทั่วไป

Previous Post

N75 “ผู้หญิงคนนั้นจะได้รับการช่วยเหลือไหม”

Next Post

N79 ความสัมพันธ์สุดน่ารักระหว่าง CEO และสาว

Next Post
N79 ความสัมพันธ์สุดน่ารักระหว่าง CEO และสาว

N79 ความสัมพันธ์สุดน่ารักระหว่าง CEO และสาว

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1606002_ภาพยนตร์โรแมนติกละครไทยที่ดีที่สุด 2024_part2
  • N1606004_เพราะเมียน้อยของเขา สามีจึงปฏิบัติต่อภรรยาอย่างเลวร้าย_part2
  • N1606005_หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจเมื่อสามีของเธอมีชู้_part2
  • N1606006_สามีขี้โกงลับหลังภรรยา บริษัทจะเป็นของใคร?_part2
  • N1606008_เด็กสาวช่วยชีวิตหลานชายของ CEO โดยไม่ได้ตั้งใจ_part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • June 2025
  • May 2025
  • April 2025
  • March 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.